เฟดได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดวอลล์สตรีท ด้วยการประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25% พร้อมระบุว่าเฟดตัดสินใจที่จะรอดูหลักฐานที่ชัดเจนมากขึ้นว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ก่อนที่เฟดจะปรับเปลี่ยนขนาดโครงการซื้อพันธบัตรซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และยืนยันว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น จนกว่าอัตราว่างงานจะแตะ 6.5% และอัตราเงินเฟ้อไม่เคลื่อนไหวสูงกว่า 2.5% สนง.สถิติแห่งสหภาพยุโรปเปิดเผยตัวเลขยอดเกินดุลการค้าของยูโรโซนที่ 1.82 หมื่นล้านยูโรในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจาก 1.39 หมื่นล้านในช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 1.65 หมื่นล้านในเดือนมิ.ย. ในขณะที่ตัวเลขยอดเกินดุลการค้าของสหภาพยุโรปในเดือนก.ค.อยู่ที่ 1.04 หมื่นล้านยูโร เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1.3 พันล้านยูโร และเดือนมิ.ย.ที่ 9 พันล้านยูโร ทั้งนี้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีสหภาพยุโรปขาดดุลการค้าพลังงานน้อยลง ในขณะที่ยอดเกินดุลการค้าสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มสูงขึ้น
ยอดขายรถยนต์ในยุโรปเดือนส.ค.ลดลงสู่ระดับ 686,957 คัน ลดลง 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นผลมาจากอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ยอดขายรถยนต์ในยุโรปในช่วง 8 เดือนแรกของปีได้ปรับลดลง 5.2% สู่ระดับ 8.14 ล้านคัน
ธ.กลางอังกฤษมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงนโยบายการเงินไว้เช่นเดิมจากรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จึงไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยจะคงโครงการซื้อพันธบัตรไว้ที่ 3.75 แสนล้านปอนด์และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5%
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ 0.1%แสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันให้กับ FOMC ที่จะมีกำหนดประชุมนโยบายในอาทิตย์นี้ ในขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานได้มีการปรับขึ้นเพียง 0.1% เช่นกัน
ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 58 ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับขึ้นสู่ระดับ 59 โดยการชะลอลงของดัชนีเป็นผลมาจากการปรับขึ้นของต้นทุนการกู้ยืมของผู้สร้างบ้านหลังอัตราดอกเบี้ยระยะเวลา 30 ปีได้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% นับตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรลงในเร็วๆนี้
ก.คลังสหรัฐรายงานยอดถือครองตราสารหนี้โดยต่างประเทศเดือนก.ค.ที่ระดับ 5.5901 ล้านล้านดอลลาร์ ปรับลดลง 0.2% จากเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตาม ทั้งจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ถือครองตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งและอันดับสองได้มียอดถือครองเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค.
ก.พาณิชย์สหรัฐรายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านประจำเดือนส.ค.ที่ระดับ 891,000 ยูนิต ปรับเพิ่มขึ้น 0.9% จากเดือนก.ค. แต่น้อยกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 915,000 ยูนิต ซึ่งบ่งบอกถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในตลาดอสังหาริมทรัพย์ แม้ที่ผ่านมาจะมีสัญญาณด้านอุปสงค์ที่อ่อนตัวลงก็ตาม
ก.คลังจีนเปิดเผยว่ารัฐวิสาหกิจของจีนมีผลกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9.7% ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2556 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 7 เดือนแรกของปีที่ 7.6% โดยรัฐวิสาหกิจในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การไฟฟ้า การกลั่นน้ำมัน การก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ มีผลกำไรเติบโตค่อนข้างรวดเร็วในช่วงเวลาดังกล่าว
องค์การการท่องเที่ยวแห่งชาติของญี่ปุ่นรายงานจำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 17.1% จากปีก่อนสู่ระดับ 907,000 คน โดยเป็นสถิติสูงสุดสำหรับเดือนดังกล่าว ผลักดันโดยเงินเยนที่อ่อนค่าลง ทั้งนี้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มีจำนวนมากที่สุดที่ 216,000 คน ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยได้เพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากการยกเลิกวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยพุ่งขึ้นแตะระดับ 24,000 คน หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 102.3%
สนง.บริหารหนี้สาธารณะเปิดเผยยอดหนี้สาธารณะคงค้างเดือนก.ค.ที่ระดับ 5,211,194.01 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.11 ของ GDP ลดลงสุทธิ 12,717.20 ล้านบาทเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล 3,641,067.87 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,077,722.91 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน 491,568.89 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 834.34 ล้านบาท
SET Index ปิดที่ 1,439.13 จุด ลดลง 4.65 จุด หรือ -0.32% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 40,790.53 ล้านบาท โดยดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบทั้งแดนบวกและแดนลบตลอดทั้งวัน เพื่อรอดูความชัดเจนของผลประชุมเฟดเพื่อพิจารณาวงเงิน QE ว่าจะปรับลดเหมือนกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1-2 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อเดือนหรือไม่ รวมถึงประเด็นการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทที่จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเป็นวันแรกเช่นกัน
สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยระหว่าง -0.08% ถึง +0.00% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยรุ่นอายุ 3 ปี มูลค่า 30,000 ล้านบาท