xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดน้ำผลไม้แข่งเดือด “มาลี” หวนตลาดวัยรุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รุ่งฉัตร บุญรัตน์ กรรมการและรองผู้จัดการใหญ่สายการขายและการตลาด บริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน)
ทุ่มงบฯ 50 ล้านบาทเปิดตัวน้ำผลไม้ผสมน้ำแร่ระดับพรีเมี่ยม “มาลี เฮลดิพลัส” ครั้งแรกในรอบ 2 ปี หวังเจาะเซกเมนต์ใหม่ เน้นนักศึกษาและสาววัยทำงาน อายุ 18-25 ปี หวังยอดขาย 100 ล้านบาทในปี 56 พร้อมเพิ่มส่วนแบ่งตลาดไม่น้อยกว่า 25% และช่วยสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 15% ในปี 57

น.ส.รุ่งฉัตร บุญรัตน์ กรรมการและรองผู้จัดการใหญ่สายการขายและการตลาด บริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดน้ำผลไม้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2555 น้ำผลไม้ระดับพรีเมี่ยมมีมูลค่าประมาณ 4.8 พันล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 14% ขณะที่น้ำผลไม้มาลี 100% มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 24% เติบโตสูงถึง 23% โดยคาดว่าในปี 2556 ตลาดรวมจะมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเป็น 20% และบริษัทจะสามารถเพิ่มอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 25% เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาสามารถทำส่วนแบ่งตลาดได้แล้วประมาณ 26%

ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการขยายตัวของตลาดน้ำผลไม้คือพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ขณะที่การแข่งขันก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงใช้เวลาประมาณ 1 ปีในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบน้ำผลไม้ผสมน้ำแร่ธรรมชาติ “มาลี เฮลติพลัส” (MALEE Healti Plus) 3 สูตร ได้แก่ สูตรอะเชโรล่าเชอร์รี่ สูตรส้มยูสุ และสูตรแบล็คเคอแรนท์ เพื่อขยายฐานผู้บริโภคกลุ่มที่รักผิวโดยเฉพาะ ทั้งยังถือเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา

“แม้การแข่งขันของตลาดน้ำผลไม้จะเป็นไปอย่างรุนแรง แต่ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่กระตุ้นตลาดให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีทางเลือกในการบริโภคเครื่องดื่มหลายชนิด การเข้ามาของผู้ประกอบบการรายใหม่ หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการรายเดิมจึงทำให้เครื่องดื่มน้ำผลไม้ได้รับการพูดถึงกันมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของน้ำผลไม้มาลีเองนั้นก่อนหน้านี้มักถูกมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับวัยกลางคนที่มีอายุประมาณ 30-40 ปีขึ้นไป การพัฒนาผลิตภัณฑ์ครั้งนี้จึงเท่ากับเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้เป็นสินค้าสำหรับวัยรุ่นและวัยทำงานที่มีอายุ 18-25 ปี หลังจากที่ก่อนหน้านี้บริษัทเคยทดลองทำตลาดมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก โดยครั้งนี้ยังได้มีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้มีความทันสมัยและแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ”

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ “มาลี เฮลติพลัส” ยังถือเป็นการกำหนดเซกเมนต์ใหม่ของน้ำผลไม้ระดับพรีเมี่ยมให้เป็น Natural Functional Juice เพื่อเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญต่อการดูแลผิวพรรณและสุขภาพเป็นพิเศษ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายนักศึกษาและหญิงสาววัยทำงาน พร้อมคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 100 ล้านบาทภายในปี 2556 และมีส่วนช่วยเสริมยอดขายในกลุ่มน้ำผลไม้ของบริษัทให้เติบโตได้ไม่น้อยกว่า 5% และไม่ต่ำกว่า 15% ในปี 2557

“ตลอดเวลาที่ผ่านมาบริษัทใช้งบประมาณการตลาดค่อนข้างน้อย เนื่องจากแบรนด์มาลีสามารถทำการตลาดได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ขณะที่ผู้บริโภคก็มีความเชื่อถือและยอมรับในคุณภาพของสินค้า แต่สำหรับ มาลี เฮลดิพลัส ถือเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บริษัทต้องการสร้างการรับรู้และจดจำสินค้าให้แก่ผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดเชิงรุกอย่างเต็มที่โดยใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท ในการออกภาพยนตร์โฆษณาผนวกกับการสื่อสารอย่างครบวงจร รวมทั้งส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย เพื่อกระตุ้นการบริโภคเชิงรุกในทุกรูปแบบ ทั้งการจัดทำโปรโมชั่น การจัดแจกผลิตภัณฑ์ทดลองชิม รวมถึงการใช้สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง”

อนึ่ง นอกจากบริษัทจะผลิตผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “มาลี” แล้ว ยังมีการผลิตในลักษณะการผลิตตามสัญญา หรือ Contract Manufacturing ทดแทนการผลิตในลักษณะรับช่วงการผลิต หรือ OEM โดยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 45 ต่อ 55 โดยในอนาคตอันใกล้บริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนให้เป็นร้อยละ 50 ต่อ 50 หลังจากที่ปลายปี 2555 ที่ผ่านมาได้มีการขยายกำลังการผลิตจาก 200 ล้านลิตรต่อปีเป็น 300 ล้านลิตรต่อปี
ปอย ตรีชฎา ร่วมเป็นแขกรับเชิญในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ มาลี เฮลติพลัส ณ ลานสยามดิสคัฟเวอรี่

กำลังโหลดความคิดเห็น