“พาณิชย์”ยึดเจแปนโมเดล เล็งของบเพิ่มดัน SMEs สู่ตลาดโลก หลังโครงการ SMEs Proactive ได้รับความสนใจ มีผู้แห่ขอใช้เพียบ ล่าสุดอนุมัติช่วยทำตลาดส่งออกแล้ว 506 บริษัท วงเงิน 67 ล้านบาท เตรียมของบเพิ่ม พร้อมขยายโครงการช่วยให้ถึง SMEs ต่างจังหวัด
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ให้มีการส่งออกได้มากขึ้น ซึ่งจะดำเนินการเหมือนกับที่ญี่ปุ่นได้ทุ่มงบประมาณ ทุ่มการวิจัยพัฒนา เพื่อทำให้ SMEs เข้มแข็ง โดยล่าสุดโครงการ SMEs Proactive ที่มีเพื่อช่วยเหลือ SMEs ได้มีการอนุมัติเงินช่วยเหลือให้กับ SMEs แล้ว 506 บริษัท วงเงิน 67.5 ล้านบาท แยกเป็นการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า 81 งาน และจัดคณะเจรจาการค้า 6 คณะ โดยคาดว่า ปีนี้จะมีผู้ได้การสนับสนุนประมาณ 600-900 บริษัท
“ตอนนี้ เรามีวงเงินเหลือประมาณ 230 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นเงินใช้สำหรับ 3 ปีๆ ละ 100 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ได้ถึงปี 2558 แต่เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา สามารถนำมาใช้หมุนเวียนในแต่ละปีเพิ่มขึ้นได้ หากมีSMEs ขอรับการสนับสนุนเข้ามามาก และถ้าไม่พอ กรมฯ มีแผนที่จะเสนอขอเพิ่มงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อนำมาใช้ช่วยเหลือ SMEs โดยไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะมีเงินไม่พอ เพราะตอนนี้ การช่วย SMEs ให้ส่งออกได้ ถือเป็นนโยบายสำคัญ”นางศรีรัตน์กล่าว
ที่ผ่านมา กรมฯ มีโครงการตลาดใหม่ เริ่มทำปี 2542 ได้วงเงินจากกองทุนฯ ปีละ 15 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือ SMEs ได้เพียงปีละ 150 ราย ใน 141 ประเทศ และตลาดอายุโครงการ 14 ปีที่ผ่านมา มีการช่วยเหลือผู้ประกอบการ 1,560 ราย เป็นเงิน 193 ล้านบาท แต่โครง SMEs Proactive สามารถตอบสนอง SMEs ในด้านต่างๆ ได้มากขึ้น โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือ SMEs ที่อยู่ในเป้าหมายจำนวน 33,341 ราย
นางศรีรัตน์กล่าวว่า กรมฯ มีแผนที่จะกระจายความช่วยเหลือไปยัง SMEs ที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ ให้มากขึ้น โดย SMEs ที่สนใจขอรับการสนับสนุนให้คิดมาว่าอยากจะไปขายสินค้า ไปทำธุรกิจบริการที่ประเทศไหน จะไปอย่างไร ให้คิดโครงการมา สามารถเลือกเองได้หมด และสามารถจัดกลุ่ม จัดทีม ของตัวเองก็ได้ เพื่อความสะดวกในการบุกเจาะตลาดเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรม เมื่อทำโครงการแล้ว ก็ให้ยื่นขอรับการสนับสนุน โดยยื่นผ่านหอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ สมาคมการค้า ที่เป็นสมาชิกของสภาฯ ข้างต้น
ทั้งนี้ กรมฯ มีความมั่นใจว่า หากสามารถผลักดันให้ SMEs มีการส่งออกได้มากขึ้น จะช่วยสนับสนุนการส่งออกในภาพรวมของประเทศให้ขยายตัวได้มากขึ้น แม้เบื้องต้น ยอดการส่งออกของแต่ละรายอาจจะไม่มาก แต่หากส่งออกได้หลายๆ บริษัท ก็จะทำให้ยอดส่งออกรวมเพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน สินค้าที่ได้รับความช่วยเหลือ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหาร อุปกรณ์ความปลอดภัย ของเล่น อุปกรณ์ฟาร์มปศุสัตว์ หัตถอุตสาหกรรม ของขวัญของชำร่วย อุปกรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ สมุนไพร พืชผลทางการเกษตร เครื่องสำอาง เครื่องนุ่งห่ม สินค้าทั่วไป ธุรกิจบริการ เครื่องจักรกลและโลหะการ เครื่องปรับอากาศ เวชภัณฑ์และเครื่องมือการแพทย์
โดยประเทศที่ SMEs ได้รับการสนับสนุนให้ไปแสดงสินค้า ได้แก่ อินเดีย ตุกรี เมียนมาร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกงบาร์เรนห์ สิงคโปร์ สหรัฐฯ ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ คาซัคสถาน มองโกเลีย ยูเครน จีน เยอรมัน รัสเซีย กัมพูชา อิตาลี เกาหลีใต้ เวียดนาม และมาเลเซีย
