ก.พลังงานยอมรับคนยังมาใช้สิทธิ์ซื้อแอลพีจีราคาเดิมต่ำ เหตุแอลพีจีขึ้นแค่ 0.50 บาทต่อ กก.กระทบจิ๊บจ๊อยแต่การใช้สิทธิ์ขั้นตอนยุ่งกว่า รอขึ้น 3 บาทต่อ กก.จึงคิดที่จะใช้สิทธิ์ “เพ้ง” สั่งพลังงานจังหวัดกระตุ้นให้มาลงทะเบียนใช้สิทธิ์
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีภาคครัวเรือนอีกกิโลกรัมละ 0.50 บาทเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2556 ที่ผ่านมา ล่าสุดได้รับรายงานจากพลังงานจังหวัดหลายแห่งว่าประชาชนผู้ที่มีสิทธิ์ขึ้นทะเบียนเพื่อซื้อแอลพีจีราคาเดิมซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบยังมาลงทะเบียนใช้สิทธิ์ซื้อแอลพีจีราคาเดิมน้อยมากเนื่องจากประชาชนให้เหตุผลว่าราคาแอลพีจีที่ปรับขึ้นยังไม่มีผลกระทบมากนักเมื่อเทียบกับขั้นตอนที่จะขอสิทธิ์มีความยุ่งยากกว่า โดยจะขอไปใช้สิทธิ์เมื่อราคาแอลพีจีขยับไปถึงระดับ 3 บาทต่อ กก.
“ได้มอบหมายให้พลังงานจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้มีสิทธิ์มาลงทะเบียนใช้สิทธิ์ตามเป้าหมายที่เบื้องต้นรวม 7.7 ล้านราย แยกเป็นครัวเรือนรายได้น้อย 7.6 ล้านราย และร้านค้าหาบเร่แผงลอยอาหาร 1.8 แสนราย ผมคิดว่าปลายเดือนนี้น่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนได้อีกครั้ง” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ประเมินว่าการปรับขึ้นราคาแอลพีจีเดือน ก.ย.เป็นเดือนแรกนี้จะมีผู้มาใช้สิทธิ์ซื้อแอลพีจีราคาเดิมต่ำซึ่งจะทำให้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่คาดว่าจะต้องเข้าไปจ่ายอุดหนุนส่วนลดราคาให้ผู้มีสิทธิ์เดือนแรก 22.5 ล้านบาทนี้จะเหลือจำนวนพอสมควร ดังนั้นจึงอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางกระตุ้นให้ผู้มีสิทธิ์มาใช้สิทธิ์ซื้อแอลพีจีราคาเดิมว่าจะสามารถนำเงินส่วนที่เหลือจากผู้ที่ไม่มาใช้สิทธิ์มาจ่ายให้กลุ่มผู้มีสิทธิ์ซื้อแอลพีจีราคาเดิมได้อย่างไร เช่น อาจจับสลากคืนให้ผู้ใช้สิทธิ์ไปเลย เป็นต้น โดยจะได้หารือในรายละเอียดต่อไปเนื่องจากจะต้องดูข้อกฎหมายของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่าสามารถทำได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นราคาแอลพีจีครั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อค่าครองชีพเพราะรัฐมีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้ใช้สิทธิ์ราคาเดิม และการขึ้นราคาแอลพีจีเพื่อไปสู่ระดับ 24.82 บาทต่อ กก.หรือ 550 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพื่อสะท้อนต้นทุนราคาโรงแยกก๊าซธรรมชาติซึ่ง บมจ.ปตท.ไม่ได้ประโยชน์อย่างไรเพราะรัฐยังคงตรึงราคาหน้าโรงแยกก๊าซฯ ไว้ที่ 333 เหรียญต่อตันเหมือนเดิม แต่ที่ปรับขึ้นจะเป็นการลดการอุดหนุนราคาจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะมีรายจ่ายลดลง ซึ่งขณะนี้กระทรวงพลังงานต้องติดตามสถานะกองทุนน้ำมันฯ ใกล้ชิดเพราะสหรัฐฯ เห็นชอบให้โจมตีซีเรียซึ่งอาจกระทบราคาน้ำมันที่อาจจะต้องปรับขึ้นซึ่งจะมีผลสะท้อนไปยังราคาก๊าซธรรมชาติและที่สุดก็อาจจะกระทบค่าไฟอีก ดังนั้นกองทุนฯ จำเป็นต้องเข้ามาดูแลราคาน้ำมันเพื่อไม่ให้กระทบค่าครองชีพประชาชน