“เพ้ง” ยันขึ้นก๊าซหุงต้ม 50 สต./กก. ไร้ผลกระทบค่าครองชีพ เหตุมีมาตรการช่วยเหลือคนรายได้น้อยกว่า 7.6 ล้านรายแถมมีผลกระทบราคาอาหารแค่จานละ 2 สต.เท่านั้น ดังนั้นหากร้านค้าอ้างขึ้นราคาแนะประชาชนแจ้ง ก.พาณิชย์จับกุมทันที ส่วนการใช้สิทธิซื้อก๊าซฯ ราคาเดิมช่วงแรกอาจจะยุ่งและไม่ทั่วถึงบ้าง แต่เชื่อว่าไม่นานทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนจากปัจจุบันที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) อีก 0.50 บาทต่อ กก.มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นั้นยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชนแต่อย่างใดเพราะรัฐบาลมีมาตรการให้กลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยและร้านค้าหาบเร่แผงลอยอาหารรวมกันกว่า 7.6 ล้านรายได้สิทธิ์ซื้อในราคาเดิม ประกอบกับการปรับราคาดังกล่าวมีผลต่อต้นทุนอาหารเพียงจานละ 2 สตางค์เท่านั้น ดังนั้น หากร้านค้าใดปรับราคาอาหารโดยการอ้างการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มขอให้ประชาชนแจ้งกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อดำเนินการจับกุมได้ทันที
“ผมไม่กังวลเรื่องการเข้ามาขอใช้สิทธิของประชาชน เพราะสามารถมาขอขึ้นทะเบียนได้ต่อเนื่อง เพราะเราไม่ได้กำหนดระยะเวลาและไม่มีวันหมดเขต จะเห็นได้ว่าในวันนี้ยังมีคนที่ได้รับสิทธิทยอยเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องจึง ขอให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิสามารถกลับไปดูบิลค่าไฟฟ้าซึ่งจะระบุว่าผู้ใช้ไฟฟ้าจะได้รับสิทธิหรือไม่ โดยในบิลนั้นจะแจ้งสิทธิและใช้รหัสมาด้วย นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ให้มีการระบุสิทธิและแจ้งรหัสซ้ำเพื่อให้ผู้ได้รับสิทธิสามารถนำไปใช้ได้” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ร้านค้าแก๊สที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศมีถึง 3 หมื่นร้านค้าระยะแรกอาจมีปัญหาบ้างในการให้บริการกับผู้มาขอใช้สิทธิในวิธีกดรหัสในช่วงนี้ แต่เชื่อว่า 2-3 สัปดาห์ร้านค้าจะมีความชำนาญเพื่อให้การให้บริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากขึ้น เพราะกระทรวงพลังงานได้มีการจัดฝึกอบรมร้านค้ามาแล้ว
ส่วนเรื่องการปรับราคาแก๊ส LPG สำหรับภาคขนส่งนั้นจะต้องมีการประชุมเพื่อการพิจารณาปรับราคาและช่วยเหลือภาคบริการขนส่งสาธารณเพื่อผู้มีรายได้น้อยไม่ว่าจะเป็น รถตุ๊กตุ๊ก แท็กซี่ และรถสองแถวในช่วงต่อไป โดยจะมุ่งเน้นการช่วยเหลือสำหรับผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มที่ให้บริการผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก
