“พาณิชย์” ถกฟิลิปปินส์-อินโดนีเซียซื้อข้าวเพิ่ม ด้านสหรัฐฯ ยาหอมเพิ่มการลงทุนในไทย

ไทยเจรจาฟิลิปปินส์-อินโดนีเซียนำเข้าข้าวไทยเพิ่มขึ้น พร้อมขอให้เปิดตลาดไก่และแก้ปัญหาจุดนำเข้าผักและผลไม้ เตรียมจับมือสิงคโปร์ลงทุนท่องเที่ยวเรือสำราญ พัฒนาแอนิเมชัน เผยจีอีพร้อมช่วยเหลือไทยพัฒนารถไฟความเร็วสูง จีเอ็มใช้ไทยเป็นฐานผลิตส่งรถไปมาเลย์ เมียนมาร์ ส่วนมาร์ลโบโรเผยใช้ใบยาสูบไทยทำบุหรี่

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในระหว่างการร่วมประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ได้มีโอกาสหารือกับ Mr. Gregory L. Domingo รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าฟิลิปปินส์ โดยได้ยกข้อกังวลของไทยกรณีที่ฟิลิปปินส์มีการนำเข้าข้าวจากไทยลดลงอย่างมากในปีที่ผ่านมา และขอให้มีการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น ทั้งการนำเข้าโดยรัฐและเอกชน ซึ่งไทยได้ยืนยันว่ามีข้าวหลายประเภท ทั้งข้าวที่บริโภคทั่วไป ข้าวชนิดพิเศษคุณภาพสูงที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดการบริโภคในฟิลิปปินส์ได้

“ฟิลิปปินส์ได้รับที่จะนำเรื่องแจ้งต่อรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งกำกับดูแลเรื่องการนำเข้าข้าวให้ และยินดีที่จะจัดให้ไทยได้หารือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง และยังได้แจ้งเหตุผลที่มีการนำเข้าข้าวจากไทยลดลงว่า เป็นเพราะในปัจจุบันฟิลิปปินส์มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับนโยบายและระเบียบด้านการนำเข้าข้าว โดยหน่วยงานภาครัฐ คือ National Food Authority จะไม่เป็นผู้นำเข้าข้าวโดยตรง แต่จะจัดสรรให้เอกชนเป็นผู้นำเข้า”

ทั้งนี้ ไทยยังได้ขอให้ฟิลิปปินส์ช่วยติดตามเรื่องการอนุญาตการนำเข้าไก่จากไทย ซึ่งฟิลิปปินส์ได้มาตรวจรับรองโรงงานของไทยแล้วตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเพื่อให้ไทยสามารถส่งออกไก่ไปฟิลิปปินส์ได้โดยเร็ว โดยขอให้มีผลก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ 1 ที่ฝ่ายฟิลิปปินส์จะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 19-20 ก.ย. 2556 ที่กรุงมะนิลา

นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวว่า ยังได้หารือกับ Mr. Bayu Krisnamurthi ช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าอินโดนีเซีย โดยได้ขอให้อินโดนีเซียนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น และติดตามเรื่องการทำสัญญาซื้อขายข้าวกับอินโดนีเซียเพื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และได้แสดงความกังวลกรณีอินโดนีเซียกำหนดจุดนำเข้าสินค้าผักและผลไม้ได้เพียง 4 แห่ง คือ สนามบินกรุงจาการ์ตา ท่าเรือเมดาน ท่าเรือเมืองสุราบายา และท่าเรือเมืองมากัสซาร์ ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการนำสินค้าไปส่งยังกรุงจาการ์ตา ซึ่งเป็นจุดจำหน่ายและกระจายสินค้า ซึ่งอินโดนีเซียแจ้งว่าอยู่ระหว่างการปรับปรุงท่าเรือจาการ์ตา เมื่อแล้วเสร็จก็จะทำให้มีความสะดวกมากขึ้น

ส่วนการหารือกับ Mr. Lim Hng Kiang รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ ทางสิงคโปร์ได้แสดงความสนใจที่จะมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ด้านพลังงานทดแทน และการลงทุนด้านการท่องเที่ยวเรือสำราญ ซึ่งไทยเห็นด้วยที่จะเชื่อมโยงไปยังอาเซียนอื่นๆ และยังได้ชักชวนให้สิงคโปร์ร่วมมือกันในด้านเทคโนโลยีการผลิตและการตลาดสินค้าแอนิเมชัน รวมทั้งขอให้พิจารณาตรวจรับรองโรงงานผลิตของไทยเพื่ออนุญาตให้นำเข้าไก่แช่เย็นแช่แข็ง

นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวว่า ยังได้มีโอกาสหารือกับนายอเล็กซานเดอร์ ซี เฟลด์แมน ประธานสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ (USABC) พร้อมด้วยผู้แทนจากบริษัท เจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และฟิลลิป มอริส อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งทางจีอีได้แจ้งว่าปัจจุบันมีการจ้างงานในไทยถึง 7,000 ตำแหน่ง และเสนอที่จะให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคและมาตรฐานในโครงการรถไฟความเร็วสูงของไทย ซึ่งจะทำงานร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทยต่อไป บริษัทจีเอ็มที่ปัจจุบันมีโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ในไทยได้มีแผนที่จะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการขยายตลาดไปยังมาเลเซียและเมียนมาร์ ส่วนบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส แจ้งว่าบริษัทตนได้มีการใช้ใบยาสูบจากทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าของบริษัทนานแล้ว