เอเอฟพี - เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของอเมริกา เปิดตัวโรงงานผลิตรถยนต์ “คาดิลแลค” (Cadillac) ในนครเซี่ยงไฮ้ วันนี้ (19) ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้จีเอ็มครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ราคาแพงในจีนเพิ่มขึ้น
โรงงานซึ่งจีเอ็มทุ่มเงินลงทุนถึง 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐแห่งนี้จะเริ่มผลิตรถคาดิลแลคได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ด้วยกำลังผลิตราว 160,000 คันต่อปี เจ้าหน้าที่จีเอ็มกล่าวในงานแถลงข่าว ก่อนจะเริ่มพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
“เราต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์คุณภาพเยี่ยมต่อลูกค้าชาวจีน และจะดูด้วยว่าเราจะสามารถแข่งขันกับค่ายรถจากยุโรปและญี่ปุ่นได้อย่างไรบ้าง” แดน เอเคอร์สัน ประธานผู้บริหารจีเอ็ม ระบุในถ้อยแถลง
แม้จีเอ็มจะยังเป็นค่ายรถต่างประเทศที่มียอดขายสูงสุดในจีน แต่ในส่วนของรถยนต์หรูยังตามหลังคู่แข่งจากเยอรมนีที่ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ถึง 80%
จีเอ็มตั้งเป้าหมายที่จะทำให้คาดิลแลคครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์หรูในจีนถึง 10% ภายในปี 2020 จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งอยู่เพียง 2.5% เจ้าหน้าที่จีเอ็ม ระบุ
ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ยังเตรียมเผยโฉมคาดิลแลครุ่นใหม่ปีละ 1 รุ่น เรื่อยไปจนถึงปี 2016 เพื่อกระตุ้นยอดขายจากราวๆ 30,000 คันในปีที่แล้ว ให้เพิ่มเป็น 100,000 คันภายในปี 2015
จีเอ็มมียอดขายรถยนต์ทุกประเภทในจีนรวมกันถึง 1.33 ล้านคันในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วราว 10.6% และเพิ่งจะเปิดตัวรถซีดานหรู “คาดิลแลค เอ็กซ์ทีเอส” ในจีนไปหมาดๆ เมื่อต้นปี
แม็กคินซีย์ (McKinsey) บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารชั้นนำของโลก ซึ่งให้คำจำกัดความ “รถเกรดพรีเมียม” ว่าหมายถึงรถยนต์ที่มีราคาอยู่ระหว่าง 32,000-190,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 990,000-5,860,000 บาท) ระบุว่า จีนมีอัตราการบริโภครถยนต์เกรดพรีเมียมถึง 1.25 ล้านคันในปี 2012 เป็นรองเพียงสหรัฐฯ เท่านั้น