“สยามคูโบต้า” คาดปี 2556 ยอดขายในไทยและส่งออกร่วม 50,000 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรกทำได้ตามแผน 50% เผยปีหน้าเตรียมก่อตั้งบริษัทใหม่ใน 2 ประเทศ คือ กัมพูชา และลาว
นายฮิโรชิ คาวาคามิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด แถลงผลการดำเนินงานในไทยครึ่งปีแรกว่า อัตราการเจริญเติบโตในธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรของสยามคูโบต้า โตขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายสูงถึง 25,000 ล้านบาท มั่นใจปลายปี 2556 ดันยอดขายได้ถึง 50,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย โดยมีสัดส่วนการขายในประเทศและต่างประเทศ 80:20 เนื่องจากเกษตรกรกำลังเร่งเพิ่มผลผลิตต่อไร่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดในภูมิภาค
ในส่วนการส่งออกไปยังต่างประเทศ ปัจจุบันเขตรับผิดชอบพื้นที่การขายของสยามคูโบต้า ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว พม่า และประเทศอื่นๆ ซึ่งในปีหน้าบริษัทฯ จะมีการลงทุนก่อตั้งบริษัทใหม่ใน 2 ประเทศ คือกัมพูชา และลาวโดยใช้ชื่อว่า “KUBOTA Cambodia Co,. Ltd.” โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ ณ กรุงพนมเปญ และ “KUBOTA Laos Co., Ltd.” สำนักงานตั้งอยู่ที่เวียงจันทน์
“เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็ว จึงมีแผนขยายและพัฒนาเครือข่ายในการจัดจำหน่าย การส่งเสริมการจัดทำกิจกรรมด้านการตลาด รวมถึงการพัฒนาระบบการบริการหลังการขายและอะไหล่ โดยมีเป้าหมายในการขาย 5,000 ล้านบาทในกัมพูชา และ 2,000 ล้านบาทในลาว ภายในปี 2558 สำหรับรูปแบบการบริหารทั้งสองบริษัทฯ จะดูแลรับผิดชอบในด้านการทำตลาด และการบริการให้แก่ลูกค้าในลาว และกัมพูชา ไม่รวมในด้านการผลิต ขาย และการขนส่งสินค้า บริหารงานโดยผู้บริหารระดับสูงจากสยามคูโบต้า เพื่อผลักดันนโยบายให้ไปในทิศทางเดียวกัน”
สำหรับตลาดภายในประเทศไทย นายโอภาศ ธันวารชร กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส เผยว่า ปัจจุบันสยามคูโบต้าเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรของประเทศไทย ด้วยเสาหลักที่แข็งแรงทั้ง 4 ด้านเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สยามคูโบต้าประสบความสำเร็จ ซึ่งได้แก่ 1. มีสินค้าที่มีคุณภาพและหลากหลาย 2. การมีเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายที่แข็งแรงและครอบคลุมทั่วประเทศ 3. การให้บริการหลังการขายที่ดูแลด้วยใจ ผ่านศูนย์บริการและร้านค้ากว่า 180 แห่ง สามารถบริการเกษตรกรอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว และ 4. บริการสินเชื่อ จากสยามคูโบต้า ลีสซิ่ง ที่ช่วยทำให้เกษตรกรสามารถเป็นเจ้าของเครื่องจักรกลการเกษตรได้ง่ายขึ้น จนทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ส่งผลให้สยามคูโบต้าครองความเป็นที่ 1 ในกลุ่มธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตร
นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังดำเนินการสร้างคลังอะไหล่แห่งใหม่บนพื้นที่กว่า 32 ไร่ และจัดทำระบบ Warehouse Management System (WMS) ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารคลังอะไหล่ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของธุรกิจอะไหล่ โดยใช้งบลงทุน 500 ล้านบาท เพื่อเป็นศูนย์กลางในการกระจายอะไหล่ให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ไม่ได้มุ่งหวังเป็นเพียงผู้แทนจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตรเท่านั้น เราพยายามขับเคลื่อนตัวเองให้กลายเป็นบริษัทที่มีระบบการจัดการเกษตรกรรมอย่างครบวงจร หรือเรียกว่า “Total Process Solutions” คือ การจัดการเครื่องจักรกลการเกษตร (Machinery Solutions) ควบคู่กับการจัดการระบบเกษตรกรรม (Agricultural Solutions) ที่ครอบคุลมวิธีการจัดการในระบบการผลิต ระบบการจัดการพื้นที่และวัสดุทางการเกษตร ระบบลอจิสติกส์ ระบบพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร และการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร รวมถึงการบริหารองค์ความรู้ด้านการทำการเกษตร เพราะบริษัทเชื่อมั่นว่าการทำ Total Process Solutions นี้จะทำให้เกิดการลดต้นทุนและการเพิ่มผลผลิตของเกษตรกร อีกทั้งเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของการทำการเกษตรของประเทศไทยได้อย่างยั่งยืนต่อไป”
นายโอภาศกล่าวเพิ่มเติมว่า “ในวาระครบรอบ 35 ปี ทางบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อขอบคุณผู้บริโภคตลอดทั้งปี โดยครึ่งปีแรกเป็นแคมเปญ “แจกหนักจัดใหญ่” เพื่อตอบแทนผู้บริโภค ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเกษตรกรส่งบัตรรับประกันคุณภาพเข้าร่วมทั้งสิ้น 70,000 ใบ สำหรับครึ่งปีหลังบริษัทได้ออกแคมเปญสื่อสารการตลาด “บันทึกไว้บนผืนดิน 35 ปี สยามคูโบต้า” เพื่อสื่อสารถึงความพยายามของสยามคูโบต้า ตลอด 35 ปีที่อยู่เคียงข้างและผูกพันกับเกษตรกรไทย สยามคูโบต้าได้เข้าไปให้ความรู้ นำโครงการต่างๆ เข้าไปส่งเสริมให้กับชุมชน กลุ่มเกษตรกร เพื่อให้ผืนดินอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แคมเปญดังกล่าวเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ควบคู่ไปกับกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมที่ได้บริษัทได้ทำอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา เช่น โครงการส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองหลังการทำนา โครงการขยายแปลงนา โครงการเกษตรปลอดการเผา โครงการส่งเสริมการทำปุ๋ยอินทรีย์สูตรวิศวกรรมแม่โจ้ 1 และล่าสุดกับโครงการชุมชนพลังเกษตรสร้างสุข ที่ลงพื้นที่ไปให้การสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วยตนเองอย่างเป็นรูปธรรม และผลักดันให้ชุมชนเข้มแข็งด้วยความรู้และความรักในอาชีพเกษตรกรรมที่พวกเขาถนัด ซึ่งบริษัททำควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคมด้านอื่นๆ คือ ด้านการศึกษาและเยาวชน สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่สยามคูโบต้า มุ่งมั่นตอบแทนสังคมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “เกษตรสีเขียว” หรือ Green Agriculture เพื่อให้เกษตรกรและสังคมพัฒนาเคียงข้างไปพร้อมๆ กับบริษัทอย่างยั่งยืน”
นายฮิโรชิ คาวาคามิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด แถลงผลการดำเนินงานในไทยครึ่งปีแรกว่า อัตราการเจริญเติบโตในธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรของสยามคูโบต้า โตขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายสูงถึง 25,000 ล้านบาท มั่นใจปลายปี 2556 ดันยอดขายได้ถึง 50,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย โดยมีสัดส่วนการขายในประเทศและต่างประเทศ 80:20 เนื่องจากเกษตรกรกำลังเร่งเพิ่มผลผลิตต่อไร่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดในภูมิภาค
ในส่วนการส่งออกไปยังต่างประเทศ ปัจจุบันเขตรับผิดชอบพื้นที่การขายของสยามคูโบต้า ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว พม่า และประเทศอื่นๆ ซึ่งในปีหน้าบริษัทฯ จะมีการลงทุนก่อตั้งบริษัทใหม่ใน 2 ประเทศ คือกัมพูชา และลาวโดยใช้ชื่อว่า “KUBOTA Cambodia Co,. Ltd.” โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ ณ กรุงพนมเปญ และ “KUBOTA Laos Co., Ltd.” สำนักงานตั้งอยู่ที่เวียงจันทน์
“เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็ว จึงมีแผนขยายและพัฒนาเครือข่ายในการจัดจำหน่าย การส่งเสริมการจัดทำกิจกรรมด้านการตลาด รวมถึงการพัฒนาระบบการบริการหลังการขายและอะไหล่ โดยมีเป้าหมายในการขาย 5,000 ล้านบาทในกัมพูชา และ 2,000 ล้านบาทในลาว ภายในปี 2558 สำหรับรูปแบบการบริหารทั้งสองบริษัทฯ จะดูแลรับผิดชอบในด้านการทำตลาด และการบริการให้แก่ลูกค้าในลาว และกัมพูชา ไม่รวมในด้านการผลิต ขาย และการขนส่งสินค้า บริหารงานโดยผู้บริหารระดับสูงจากสยามคูโบต้า เพื่อผลักดันนโยบายให้ไปในทิศทางเดียวกัน”
สำหรับตลาดภายในประเทศไทย นายโอภาศ ธันวารชร กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส เผยว่า ปัจจุบันสยามคูโบต้าเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรของประเทศไทย ด้วยเสาหลักที่แข็งแรงทั้ง 4 ด้านเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สยามคูโบต้าประสบความสำเร็จ ซึ่งได้แก่ 1. มีสินค้าที่มีคุณภาพและหลากหลาย 2. การมีเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายที่แข็งแรงและครอบคลุมทั่วประเทศ 3. การให้บริการหลังการขายที่ดูแลด้วยใจ ผ่านศูนย์บริการและร้านค้ากว่า 180 แห่ง สามารถบริการเกษตรกรอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว และ 4. บริการสินเชื่อ จากสยามคูโบต้า ลีสซิ่ง ที่ช่วยทำให้เกษตรกรสามารถเป็นเจ้าของเครื่องจักรกลการเกษตรได้ง่ายขึ้น จนทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ส่งผลให้สยามคูโบต้าครองความเป็นที่ 1 ในกลุ่มธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตร
นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังดำเนินการสร้างคลังอะไหล่แห่งใหม่บนพื้นที่กว่า 32 ไร่ และจัดทำระบบ Warehouse Management System (WMS) ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารคลังอะไหล่ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของธุรกิจอะไหล่ โดยใช้งบลงทุน 500 ล้านบาท เพื่อเป็นศูนย์กลางในการกระจายอะไหล่ให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ไม่ได้มุ่งหวังเป็นเพียงผู้แทนจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตรเท่านั้น เราพยายามขับเคลื่อนตัวเองให้กลายเป็นบริษัทที่มีระบบการจัดการเกษตรกรรมอย่างครบวงจร หรือเรียกว่า “Total Process Solutions” คือ การจัดการเครื่องจักรกลการเกษตร (Machinery Solutions) ควบคู่กับการจัดการระบบเกษตรกรรม (Agricultural Solutions) ที่ครอบคุลมวิธีการจัดการในระบบการผลิต ระบบการจัดการพื้นที่และวัสดุทางการเกษตร ระบบลอจิสติกส์ ระบบพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร และการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร รวมถึงการบริหารองค์ความรู้ด้านการทำการเกษตร เพราะบริษัทเชื่อมั่นว่าการทำ Total Process Solutions นี้จะทำให้เกิดการลดต้นทุนและการเพิ่มผลผลิตของเกษตรกร อีกทั้งเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของการทำการเกษตรของประเทศไทยได้อย่างยั่งยืนต่อไป”
นายโอภาศกล่าวเพิ่มเติมว่า “ในวาระครบรอบ 35 ปี ทางบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อขอบคุณผู้บริโภคตลอดทั้งปี โดยครึ่งปีแรกเป็นแคมเปญ “แจกหนักจัดใหญ่” เพื่อตอบแทนผู้บริโภค ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเกษตรกรส่งบัตรรับประกันคุณภาพเข้าร่วมทั้งสิ้น 70,000 ใบ สำหรับครึ่งปีหลังบริษัทได้ออกแคมเปญสื่อสารการตลาด “บันทึกไว้บนผืนดิน 35 ปี สยามคูโบต้า” เพื่อสื่อสารถึงความพยายามของสยามคูโบต้า ตลอด 35 ปีที่อยู่เคียงข้างและผูกพันกับเกษตรกรไทย สยามคูโบต้าได้เข้าไปให้ความรู้ นำโครงการต่างๆ เข้าไปส่งเสริมให้กับชุมชน กลุ่มเกษตรกร เพื่อให้ผืนดินอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แคมเปญดังกล่าวเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ควบคู่ไปกับกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมที่ได้บริษัทได้ทำอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา เช่น โครงการส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองหลังการทำนา โครงการขยายแปลงนา โครงการเกษตรปลอดการเผา โครงการส่งเสริมการทำปุ๋ยอินทรีย์สูตรวิศวกรรมแม่โจ้ 1 และล่าสุดกับโครงการชุมชนพลังเกษตรสร้างสุข ที่ลงพื้นที่ไปให้การสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วยตนเองอย่างเป็นรูปธรรม และผลักดันให้ชุมชนเข้มแข็งด้วยความรู้และความรักในอาชีพเกษตรกรรมที่พวกเขาถนัด ซึ่งบริษัททำควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคมด้านอื่นๆ คือ ด้านการศึกษาและเยาวชน สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่สยามคูโบต้า มุ่งมั่นตอบแทนสังคมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “เกษตรสีเขียว” หรือ Green Agriculture เพื่อให้เกษตรกรและสังคมพัฒนาเคียงข้างไปพร้อมๆ กับบริษัทอย่างยั่งยืน”