“ไพลอน” เผยปีนี้แนวโน้มการเติบโตสูง อาจเป็นประวัติการณ์ครั้งแรกตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะนี้งานในมือเกินเป้าหมายรายได้ทั้งปี 1,200 ล้านบาทแล้ว กลางปีขอทบทวนผลงานก่อนประกาศปรับเป้ารายได้ใหม่ แจงอานิสงส์งานขยายรถไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูง อีกทั้งโครงการรัฐมากมายที่ทยอยออกมาต่อเนื่อง
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากชั้นนำในประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีนี้งานฐานรากของบริษัทปริมาณเยอะมาก เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้งานเข้ามาอีก 3 โครงการมูลค่า 154 ล้านบาท เป็นงานโครงการอาคารเก็บสินค้า ของบริษัทเอ็มเคเอส แลนด์ จำกัด งานปรับปรุงเขื่อน คลองวัดยานนาวา และคูคอนกุศล-คูวัดปรก ของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพฯ สุดท้ายคือ โครงการ คิว คอนโด อโศก เป็นงานเจาะเสาเข็มสำหรับอาคาร ของบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
ขณะที่เมื่อกลางเดือนเดียวกัน PYLON รับงานอีก 2 โครงการ มูลค่าเกือบ 326 ล้านบาท เป็นงานสร้างอาคารคลังสินค้า และสำนักงาน คสล.ชั้น 2 บริษัท ทริพเวนท์ แอ๊สเซ็ท จำกัด และอีกงานคือ งานเสเข็มเจาะอาคารห้างสรรพสินค้า บริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน)
“งานของเราเข้ามาเรื่อยๆ ครับ ส่งผลให้การดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ของเราจะเติบโตต่อเนื่องได้อย่างไม่มีปัญหา แต่บอกก่อนเลยว่าไตรมาสแรก จะเป็นไตรมาสที่อ่อนที่สุดของเราปีนี้ เพราะดูจากแนวโน้มแล้วผมคิดว่างานจะมีเข้ามาเรื่อยๆ และเราก็เก็บรายได้จากผลงานที่เราลงมือทำไป ซึ่งผลการดำเนินงานจะดีขึ้นตามลำดับครับ ไตรมาสสุดท้ายน่าจะดีที่สุดของปีนี้” นายบดินทร์กล่าว
โดยส่วนหนึ่งมาจากการที่งานโครงการของ PYLON ส่วนใหญ่เป็นงานระยะสั้นแค่ 2-3 เดือน และทยอยรับรู้รายได้เข้ามาเรื่อยๆ และอาจมีบางงานที่เป็นโครงการใหญ่ๆ ใช้เวลาก่อสร้าง 6-7 เดือนมาแซมบ้าง ถือเป็นการคละงานไป ส่งผลให้ปัจจุบันมีงานในมือ backlog ถึง 1,200 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ตั้งไว้แล้ว และยังอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีกมูลค่า 1,600-1,700 ล้านบาท
“ปีนี้อาจเป็นปีแรกของเราที่จะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และเราเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 7-8 ปี เพราะทุกอย่างหนุนผลงานเราหมดครับ และเราจะเพิ่มกำลังเครื่องจักรเพื่อให้ทันกับลูกค้าด้วย เพราะทุกวันนี้ลูกค้ารอคิวยาว 5-6 เดือนเลย และเมื่อรายได้เราถึงเป้าหมายแล้ว ดังนั้น เราอาจต้องพิจารณาเพื่อปรับเป้ารายได้ปีนี้ของเราครับ แต่ต้องรอให้ผ่านครึ่งปีแรกก่อนว่าทิศทางจะเป็นอย่างไรครับ”
ดังนั้น งบลงทุนที่ PYLON ใช้ในการเพิ่มเครื่องจักรปกติปีละ 60 ล้านบาท อาจต้องเพิ่มขึ้นอีก เพื่อให้เพียงพอต่องานที่มีในตลาดมากกว่าแต่ก่อน ซึ่งต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อขออนุมัติก่อน
นายบดินทร์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทจะได้รับอานิสงส์จากโครงการขยายส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า ตลอดจนรถไฟความเร็วสูงตามนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีงานเสาเข็มตลอดจนฐานรากที่ชำนาญของบริษัทอื่นๆ อีกมากมายที่ทยอยเข้ามาต่อเนื่อง เป็นแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการอย่าง PYLON
อย่างไรก็ดี เมื่อสิ้นปี 55 PYLON ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นด้วยการใช้หุ้น และเงินสดปันผลอัตรา 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ และปันผลเป็นเงินสดหุ้นละ 25 สตางค์ ส่งผลให้บริษัทต้องเพิ่มทุนใหม่ 74,999,359หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท เพื่อการจ่ายปันผล และรองรับการแปลงสภาพของหลักทรัพย์แปลงสภาพ แบ่งเป็นหุ้นที่จัดสรรเพื่อจ่ายปันผล 50,002,000 หุ้น เพื่อรองรับการแปลงาภาพ และจัดสรร 24,997,359 หุ้นเพื่อใช้จ่ายปันผล
โดยผลงานงวดสิ้นปี 55 พบว่า PYLON มีกำไรสุทธิ 64.22 ล้านบาท ลดลงจากวงดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ทำไว้ 75.65 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้ 1,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ทำได้ 945 ล้านบาท และแม้ว่าผลงานไตรมาสแรกที่เพิ่งประกาศออกมา และพบว่าPYLON มีกำไรสุทธิ 26.49 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 16.35 ล้านบาท หรือลดลง 38.17% เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากการรับจ้างงานก่อสร้างลดลง เนื่องจากบางโครงการเริ่มงานได้ช้ากว่ากำหนด ทำให้การรับรู้รายได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นไตรมาส 2 ซึ่งผู้บริหารมองว่า ผลงานไตรมาสแรกของปีนี้น่าจะเป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดของปีนี้
นายบดินทร์ กล่าวถึงราคาหุ้นในกระดานว่าปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด และภาวะตลาดหุ้นช่วงนี้ผันผวน แต่เชื่อว่านักลงทุนที่จะเข้ามาคงมองจากผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นๆ ซึ่งหากสร้างผลงานที่ดีนักลงทุนก็จะสนใจเข้ามาลงทุนเอง และราคาหุ้นก็จะแปรผันตามปัจจัยพื้นฐานและผลงานที่ประกาศออกไป