แมงเม้าท์เล่าอินไซด์มาแล้วจร้าาาาา ... หุ้นไทยช่างไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน ทั้งๆ ที่การเมืองเริ่มผ่อนคลาย แทนที่จะใช้โอกาสที่กลับมายืนเหนือ 1440 ในวันพฤหัส วิ่งขึ้น แต่กลับถูกถล่มหักหัวลงมาในวันศุกร์ ดัชนีลงมาปิดตลาดที่ 1,432.25 จุด ลดลง 14.91 จุด มูลค่าซื้อขาย 31,244.35 ล้านบาท
แต่ถ้าเป็นรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นกระจิดริด 0.80% มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 13.74% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 29,966.63 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายย่อย และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ
เหตุกังวลว่าสหรัฐจะยกเลิก QE แต่เจ้าพระคุณเอ้ย ยังไงก็เชื่อว่าสหรัฐต้องลด ต้องเลิก QE เพราะ "โอบามา" ประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ออกมาบอกชัดแล้วว่า ประธานธนาคารกลางสหรัฐคนใหม่ที่จะมาแทน "ลุงเบน เบอร์นันเก้" ต้องส่องเรื่องเงินเฟ้อเป็นหลัก
“กฎเกณฑ์ที่สำคัญของผมสำหรับประธานเฟดคนถัดไปก็คือต้องเป็นบุคคลที่เข้าใจว่า เขามีภาระกิจสองอย่างที่ต้องทำควบคู่กันไป โดยส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือการควบคุมเงินเฟ้อ กำหนดนโยบายการเงินที่เหมาะสม และรักษาค่าเงินดอลลาร์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม" นายโอบามา ว่าแบบนี้
เรื่องต่างประเทศที่น่าจับตาอีกที่ก็ต้องไป ที่ญี่ปุ่น ที่ล่าสุด เปิดเผยตัวเลข ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2/2556 ขยายตัว 2.6% ต่อปี แม้ว่าจะขยายตัวไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน แต่มันผิดคาดของนักวิเคราะห์ ที่คาดการณ์ว่าจีดีพีไตรมาสดังกล่าวจะโต 3.2% ดังนั้น อันนี้ไม่ใช่ข่าวดีนะ!
หากใครชอบดูต่างชาติแล้วมาผนวกกับหุ้นไทยตอนนี้ อาจจะมองไม่ได้เต็มตา คือ ทางโซนของฝรั่ง เขายังไม่ได้แย่ชัดเจน อาจจะขึ้นได้ต่อหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่แนวต้านหลักของดาวน์โจนส์ อยู่แถว 16,300 จุด ว่ากันง่ายๆ เข้ายังไม่ตกมาอยู่เทรนขาลง
แต่เมื่อหันมาส่อง ภาพรวมของตลาดหุ้นไทย ที่กำลังปั่นป่วนอยู่คาบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แม้จะยังคอนเฟิร์มไม่ได้ว่าจะขึ้นหรือลง แต่ฝั่งที่หุ้นอยู่ขณะนี้ยังเป็นโซนลงนะจ๊ะ ยกเว้นสัปดาห์นี้จะปีขึ้นไปยืนเหนือ 1450 อย่างสง่าผ่าเผย ค่อยมาว่ากัน ส่วนถ้าลงแบบไม่ให้หมองก็อย่าต่ำกว่า 1420 และ 1400 จุด ไม่งั้น อาจโดนกระหน่ำเทขายอีก
ดังนั้นลงทุนหุ้นช่วงนี้ต้องเป็นเกม ถ้าไม่เป็นอย่างคิดก็ต้องรีบถอยออกมา หรือจะให้ดีหยุดไว้ก่อนก็ได้รอให้คลื่นลมสงบดีกว่า ส่วนจะจัดพอร์ตหุ้นเท่าไหร่ เงินสดเท่าไหร่ ก็แล้วแต่ตัวเธอ
สำหรับ แนวโน้มสัปดาห์นี้ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนียังคงแกว่งตัว โดยมีโอกาสฟื้นตัวขึ้น รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ เครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้บริโภค และความเชื่อมั่นผู้บริโภค คาดว่าดัชนีจะมีแนวรับ 1,430 และ 1,414 แนวต้าน 1,464 และ 1,519 ตามลำดับ
ส่วน ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่า ตลาดหุ้นกลับมากังวลมาตรการ QE3 ของสหรัฐอีกรอบ และต่างชาติที่กลับมา ขายหนักช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งความ ไม่แน่นอนของ QE3 เป็นปัจจัยเสี่ยงของตลาดหุ้นทั่วโลก จนกว่าจะมีความชัดเจน
สำหรับทิศทางตลาดหุ้น 13-16 ส.ค. ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายการประกาศงบการเงิน ต้องระมัดระวังการลงทุน หุ้นรายตัวที่มีการประกาศจ่ายปันผล จะได้รับผลกระทบน้อยจากความผันผวนของตลาด ช่วยประคองตลาดหุ้น ดัชนีมีแนวต้าน 1,480-1,500 จุด และแนวรับ 1,400 จุด
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เกียรตินาคิน แนะนำให้ถือหรือหากหุ้นอ่อนตัว ก็ซื้อเก็งกำไรเพื่อไปรอทยอยขายที่แนวต้าน 1,470-1,490 จุด ในหุ้นที่คาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส2 ออกมาดีและได้รับผลบวกจากพ.ร.บ. 2.2 ล้านล้านบาท
นี่คือหลากหลายมุมมอง แต่ท้ายที่สุดนักลงทุนก็ต้องเลือกด้วยตัวเอง
แต่ถ้าเป็นรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นกระจิดริด 0.80% มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 13.74% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 29,966.63 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายย่อย และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ
เหตุกังวลว่าสหรัฐจะยกเลิก QE แต่เจ้าพระคุณเอ้ย ยังไงก็เชื่อว่าสหรัฐต้องลด ต้องเลิก QE เพราะ "โอบามา" ประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ออกมาบอกชัดแล้วว่า ประธานธนาคารกลางสหรัฐคนใหม่ที่จะมาแทน "ลุงเบน เบอร์นันเก้" ต้องส่องเรื่องเงินเฟ้อเป็นหลัก
“กฎเกณฑ์ที่สำคัญของผมสำหรับประธานเฟดคนถัดไปก็คือต้องเป็นบุคคลที่เข้าใจว่า เขามีภาระกิจสองอย่างที่ต้องทำควบคู่กันไป โดยส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือการควบคุมเงินเฟ้อ กำหนดนโยบายการเงินที่เหมาะสม และรักษาค่าเงินดอลลาร์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม" นายโอบามา ว่าแบบนี้
เรื่องต่างประเทศที่น่าจับตาอีกที่ก็ต้องไป ที่ญี่ปุ่น ที่ล่าสุด เปิดเผยตัวเลข ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2/2556 ขยายตัว 2.6% ต่อปี แม้ว่าจะขยายตัวไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน แต่มันผิดคาดของนักวิเคราะห์ ที่คาดการณ์ว่าจีดีพีไตรมาสดังกล่าวจะโต 3.2% ดังนั้น อันนี้ไม่ใช่ข่าวดีนะ!
หากใครชอบดูต่างชาติแล้วมาผนวกกับหุ้นไทยตอนนี้ อาจจะมองไม่ได้เต็มตา คือ ทางโซนของฝรั่ง เขายังไม่ได้แย่ชัดเจน อาจจะขึ้นได้ต่อหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่แนวต้านหลักของดาวน์โจนส์ อยู่แถว 16,300 จุด ว่ากันง่ายๆ เข้ายังไม่ตกมาอยู่เทรนขาลง
แต่เมื่อหันมาส่อง ภาพรวมของตลาดหุ้นไทย ที่กำลังปั่นป่วนอยู่คาบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แม้จะยังคอนเฟิร์มไม่ได้ว่าจะขึ้นหรือลง แต่ฝั่งที่หุ้นอยู่ขณะนี้ยังเป็นโซนลงนะจ๊ะ ยกเว้นสัปดาห์นี้จะปีขึ้นไปยืนเหนือ 1450 อย่างสง่าผ่าเผย ค่อยมาว่ากัน ส่วนถ้าลงแบบไม่ให้หมองก็อย่าต่ำกว่า 1420 และ 1400 จุด ไม่งั้น อาจโดนกระหน่ำเทขายอีก
ดังนั้นลงทุนหุ้นช่วงนี้ต้องเป็นเกม ถ้าไม่เป็นอย่างคิดก็ต้องรีบถอยออกมา หรือจะให้ดีหยุดไว้ก่อนก็ได้รอให้คลื่นลมสงบดีกว่า ส่วนจะจัดพอร์ตหุ้นเท่าไหร่ เงินสดเท่าไหร่ ก็แล้วแต่ตัวเธอ
สำหรับ แนวโน้มสัปดาห์นี้ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนียังคงแกว่งตัว โดยมีโอกาสฟื้นตัวขึ้น รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ เครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้บริโภค และความเชื่อมั่นผู้บริโภค คาดว่าดัชนีจะมีแนวรับ 1,430 และ 1,414 แนวต้าน 1,464 และ 1,519 ตามลำดับ
ส่วน ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่า ตลาดหุ้นกลับมากังวลมาตรการ QE3 ของสหรัฐอีกรอบ และต่างชาติที่กลับมา ขายหนักช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งความ ไม่แน่นอนของ QE3 เป็นปัจจัยเสี่ยงของตลาดหุ้นทั่วโลก จนกว่าจะมีความชัดเจน
สำหรับทิศทางตลาดหุ้น 13-16 ส.ค. ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายการประกาศงบการเงิน ต้องระมัดระวังการลงทุน หุ้นรายตัวที่มีการประกาศจ่ายปันผล จะได้รับผลกระทบน้อยจากความผันผวนของตลาด ช่วยประคองตลาดหุ้น ดัชนีมีแนวต้าน 1,480-1,500 จุด และแนวรับ 1,400 จุด
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เกียรตินาคิน แนะนำให้ถือหรือหากหุ้นอ่อนตัว ก็ซื้อเก็งกำไรเพื่อไปรอทยอยขายที่แนวต้าน 1,470-1,490 จุด ในหุ้นที่คาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส2 ออกมาดีและได้รับผลบวกจากพ.ร.บ. 2.2 ล้านล้านบาท
นี่คือหลากหลายมุมมอง แต่ท้ายที่สุดนักลงทุนก็ต้องเลือกด้วยตัวเอง