ASTVผู้จัดการรายวัน - ซีพีเอฟเผยรายได้ครึ่งปีแรกพลาดเป้า เหตุกุ้งเสียหายจากโรค EMS และราคาเนื้อไก่และหมูยังแย่ แต่มั่นใจครึ่งปีหลังดีขึ้น ดันรายได้ทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 10% หลังราคาเนื้อไก่และหมูดีขึ้น แต่กุ้งยังไม่ฟื้นตัว ทำกำไรทั้งปียังไม่เข้าเป้าที่วางไว้ โดยครึ่งปีหลังการส่งออกทั้งปริมาณและราคาไก่สดและไก่แปรรูปดีขึ้น ตั้งเป้าปีนี้ส่งออก 8-9 หมื่นตัน
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในครึ่งหลังปี 2556 จะดีกว่าครึ่งปีแรก ส่งผลให้ยอดขายทั้งปีน่าจะโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือมีรายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 3.78 แสนล้านบาท เนื่องจากครึ่งปีหลังนี้ราคาเนื้อสัตว์ทั้งสุกรและไก่ได้ฟื้นตัวดีขึ้น แต่กุ้งคาดว่าจะไม่ฟื้นตัวภายในปีนี้แต่ก็คลี่คลายในทางที่ดีขึ้น ทำให้เป้าหมายกำไรในปีนี้ต่ำกว่าที่เคยตั้งเป้าไว้
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกปี 2556 มีรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิม เป็นผลสืบเนื่องจากภาวะผลผลิตกุ้งที่ยังเสียหายจากโรค EMS และราคาเนื้อสัตว์ยังไม่ดีขึ้นเพราะยังล้นตลาดอยู่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ล้นตลาดของเนื้อไก่และสุกรเริ่มดีขึ้น ทำให้ราคาเนื้อหมูและไก่ปรับตัวสูงขึ้น เชื่อว่าราคาไก่และสุกรจะทรงตัวในระดับนี้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ขณะที่กุ้งก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทฯ ในปีหน้า
นายอดิเรกกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ยังคงเป้างบลงทุน 5 ปีนี้ไว้ที่ 5 หมี่นล้านบาท เป็นการขยายการลงทุนในธุรกิจอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก โดยเน้นการลงทุนในต่างประเทศ โดยประเทศที่มีศักยภาพการลงทุนด้านอาหารมีทั้งจีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และรัสเซีย ล่าสุดเมี่อเร็วๆ นี้บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด (CP-Meji) คิดเป็นสัดส่วน 59.99% ของจำนวนหุ้น และซื้อหุ้นสามัญของ Russia Baltic Pork Invest ASA (RBPI) ซึ่งทำธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสุกรในรัสเซีย ซึ่งมีผลดำเนินงานที่ดี ใช้เงินลงทุนรวม 3 พันล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการซื้อกิจการธุรกิจอาหารในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป คาดว่าปีนี้บางดีลจะมีความชัดเจนขึ้นโดยเฉพาะดีลในสหภาพยุโรป ซึ่งจะเป็นการใช้วัตถุดิบที่มีราคาถูกจากยุโรปมาผลิตสินค้าเอเชียเพื่อขายให้ตลาดเอเชีย
จากการขยายธุรกิจในต่างประเทศในช่วงหลายปีนี้เองทำให้รายได้ของบริษัทฯ มาจากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 55% ของรายได้ 3.5 แสนล้านบาท และรายได้จากในประเทศ 45% ส่วนนี้รวมการส่งออกไปต่างประเทศด้วย 8% ซึ่งหลังจากนี้สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ จะมาจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ทำให้นักธุรกิจมีความกังวล แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ และเชื่อสถานการณ์จะคลี่คลายได้หากทุกฝ่ายยึดประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง เนื่องจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงกว่านี้บริษัทฯ ก็ดำเนินธุรกิจปกติ พร้อมทั้งสนับสนุนนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท เนื่องจากไทยไม่มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมานานแล้ว จำเป็นต้องมีการลงทุนเพื่อให้ก้าวทันประเทศที่พัฒนาแล้ว
ด้านนายธีรศักดิ์ อุรุนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะส่งออกเนื้อไก่สดและไก่ปรุงสุกได้จำนวน 8-9 หมื่นตันจากครึ่งปีแรกส่งออกไปแล้ว 4.58 หมี่นตัน โดยปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะส่งออกไก่สดแช่แข็งได้ 3-3.5 หมื่นตัน จากปีก่อนส่งออกเพียง 2 หมื่นกว่าตัน โคยครึ่งปีหลังนี้ราคาส่งออกไก่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ประสบปัญหาสินค้าล้นตลาด โดยล่าสุดราคาส่งออกไก่สดอยู่ที่ 3.4-.35 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน จากปีก่อนที่ราคาเฉลี่ย 2.8 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนไก่ปรุงสุกอยู่ที่ 5.5-5.6 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้น 10%
อีกทั้งขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังเร่งเจรจากับรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อเปิดตลาดนำเข้าไก่สดจากไทยด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย ทำให้ปริมาณการส่งออกไก่สดจากไทยจะเพิ่มขึ้นด้วย โดยปีนี้คาดว่าปริมาณการส่งออกเนื้อไก่ของไทยโตขึ้นจากปีก่อน 10-15% มาอยู่ที่ 6.20 แสนตัน/ปี คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 6-7 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกส่งออกไปแล้ว 2.56 แสนตัน มูลค่า 3.24 หมื่นล้านบาท
