“ชัชชาติ” ยันกระทรวงคมนาคมไม่เคยละเลยดูแลความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ เดินหน้าบังคับติด GPS บนรถร่วม บขส. และรถบรรทุกในอนาคต หลังจากรถโดยสาร บขส.และรถบรรทุกวัตถุอันตรายใช้ GPS ติดตามทำให้ความเร็วลดลง ส่วนยกเลิกใช้รถบัส 2 ชั้นทันทีหวั่นกระทบผู้ประกอบการ สั่ง ขบ.ศึกษาข้อมูลให้ชัดก่อน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังติดตามการทำงานของ “ศูนย์ควบคุมการเดินรถด้วยระบบ GPS” และ “ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ 1584” ที่กรมการขนส่งทางบก ว่า ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมไม่ได้ละเลยในเรื่องการตรวจสอบความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท รวมถึงรถบรรทุก โดยได้เข้มงวดตรวจจับความเร็วรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก รวมถึงพนักงานขับรถให้ปฏิบัติตามกฎระเบีบบ และปัจจุบันได้บังคับให้รถตู้โดยสารสาธารณะติดตั้งระบบตรวจจับความเร็ว หรือ RFID ทั้งหมด 11 จุด ซึ่งมีรถตู้สาธารณะติดตั้งไปแล้วกว่าหมื่นคัน และมีการติดตั้งระบบบอกตำแหน่งของรถ หรือ GPS บนรถโดยสารสาธารณะของบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. จำนวน 800 คัน และในอนาคตจะบังคับให้ผู้ประกอบการรถร่วม บขส.ที่มีประมาณ 12,000 คัน ติดตั้งระบบ GPS รวมถึงกำหนดให้รถบรรทุกวัตถุอันตรายที่ใช้ลากจูงรถพ่วงหรือรถกึ่งพ่วงที่บรรทุกวัตถุอันตราย ที่จดทะเบียนใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 ประมาณ 17,000 คันติดตั้งด้วย โดยปัจจุบันมีการติดตั้งไปแล้ว 7,000-8,000 คัน โดยจะผลักดันให้ติดตั้งครบทุกคันภายในปลายปี 2556 ซึ่งรวมไปถึงรถบรรทุกวัตถุอันตรายที่ติดตั้งก่อนวันที่ 1 มกราคม 2556 ด้วย
“การติดตั้งระบบ GPS จะสามารถตรวจจับความเร็วของรถได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากเกิดเหตุก็จะสามารถตรวจสอบได้ทันที หรือหากขับรถเกินความเร็วที่กำหนดที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะต้องถูกปรับ 5,000 บาทในครั้งแรก และหากทำผิดซ้ำครั้งที่ 2 จะถูกปรับ 10,000 บาท หากทำผิดซ้ำครั้งที่ 3 จะถูกถอนใบอนุญาตประกอบการเดินรถ หรือ ขบ. 11 ซึ่งผู้ประกอบการต้องร่วมให้ความรับผิดชอบ โดยหลังจากติดตั้งระบบดังกล่าวจากสถิติพบว่าอัตราการขับรถเร็วลดลง รวมถึงปริมาณอุบัติเหตุจากความเร็วของรถโดยสารสาธารณะลดลงเช่นกัน” นายชัชชาติกล่าว
สำหรับมาตรฐานรถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้นนั้น ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งฯ นำผลการวิจัยเกี่ยวกับรถโดยสาร 2 ชั้นมาประกอบการพิจารณาการนำรถ 2 ชั้นออกมาให้บริการประชาชนในอนาคตเพื่อความรอบคอบ ซึ่งปัจจุบันมีรถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้นวิ่งให้บริการประชาชนประมาณ 6,000 คัน หากจะยกเลิกการให้บริการทั้งหมดจะกระทบต่อผู้ประกอบการ ซึ่งรถ 2 ชั้นนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย กรมการขนส่งฯ ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน หากมีข้อมูลที่ชัดเจนก็ต้องปรับเพื่อความเหมาะสม แต่ยังคงเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักทั้งมาตรฐานของตัวรถ สภาพรถ และอุปกรณ์ที่ติดตั้งในรถ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรถโดยสารสาธารณะของ บขส.ที่วิ่งให้บริการส่วนใหญ่จะเป็น 2 ชั้น
ทั้งนี้ เฉพาะปี 2556 (1 มกราคม-24 กรกฎาคม) มีประชาชนร้องเรียนศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 เกี่ยวกับบริการรถแท็กซี่ กว่า 10,000 ราย
ด้านนายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนนิยมเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ ขณะเดียวกัน หากรถโดยสารประจำทางเกิดอุบัติเหตุมักจะมีความรุนแรง และก่อความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการวิเคราะห์โดยหน่วยสืบสวนอุบัติเหตุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ตามโครงการ Accident Investigation Unit พบว่า พฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับรถยังคงเป็นปัจจัยหลักของการเกิดอุบัติเหตุของรถโดยสารประจำทาง และผลการศึกษายังสรุปได้ว่า เทคโนโลยีระบบ GPS เป็นเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารจัดการเดินรถ ดังนั้น กรมการขนส่งฯ จึงได้จัดทำ “โครงการติดตั้งศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (Global Positioning System : GPS)” เพื่อควบคุม กำกับ ดูแลด้านความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ
โดยในระยะแรก นำร่องเฉพาะรถโดยสารประจำทางของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่วิ่งในเส้นทางหมวด 2 (รถที่วิ่งจาก กทม.ไปยังต่างจังหวัด) ซึ่งมีประมาณ 800 คัน โดยปัจจุบันได้ติดตั้งระบบ GPS ในรถดังกล่าวไปแล้วจำนวน 731 คัน ที่เหลือเป็นรถเก่าซึ่งจะเปลี่ยนเป็นรถใหม่ทั้งหมดและจะทำการติดตั้งระบบ GPS ให้เรียบร้อยทุกคัน
นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้รถบรรทุกวัตถุอันตราย (ลักษณะ 4) หรือรถลากจูง (ลักษณะ 9) ที่ใช้ลากจูงรถพ่วงหรือรถกึ่งพ่วงที่บรรทุกวัตถุอันตราย โดยกำหนดให้รถที่จดทะเบียนใหม่ หรือรถที่จดทะเบียนไว้แล้วแต่ได้แจ้งเลิกใช้รถตามมาตรา 79 แล้วนำมาจดทะเบียนใหม่ต้องติดตั้งเครื่อง GPS ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 ส่วนรถที่จดทะเบียนไว้ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2556 แต่ยังมิได้ติดตั้งเครื่อง GPS ต้องดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2556 และสำหรับรถที่ติดตั้ง GPS ไว้แล้ว แต่ไม่เป็นไปตามประกาศนี้ ให้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องภายในสิ้นปี 2557