“สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์” มั่นใจปีนี้ยอดขาย 9,000 ล้าน เชื่อไตรมาสสุดท้ายพีกสุด ผู้บริหารระบุวางแผนนำบริษัทร่วมทุน SS RFID เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นภายใน 3 ปี เหตุดีมานด์ฉลากอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง
นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) หรือ SMT เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 บริษัทฯ คาดว่ากำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ หลังบริษัทประสบผลขาดทุนจากเหตุอุทกภัยเมื่อปลายปี 54 โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ยังคงรับรู้ค่าสินไหมชดเชยน้ำท่วมในงวดสุดท้าย จำนวน 17.7 ล้านบาท และบันทึกรายได้ไปจนเกือบหมดแล้ว จากนั้นการเติบโตของบริษัทฯ จะกลับมาสู่ภาวะปกติ
“ลักษณะการเติบโตของบริษัทจะเป็นแบบขั้นบันได แม้ว่าแนวโน้มยอดขายในไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 3 ในปีนี้จะยังไม่ดี แต่ในไตรมาส 4 จะเติบโตสูงสุด โดยปัจจุบัน กำลังการผลิตของบริษัทอยู่ที่ 50% ซึ่งสามารถผลิต IC ได้จำนวน 120 ล้านชิ้น/เดือน และ MMA จำนวน 10 ล้านชิ้น/เดือน”
ทั้งนี้ SMT ยังคงเป้ายอดขายในปีนี้ที่ 9,000 ล้านบาท โดยจะเน้นการขายในกลุ่มสินค้า IC เพิ่มมากขึ้น จากการรับออเดอร์ของลูกค้าเดิม 6 ราย และได้รับออเดอร์จากลูกค้าใหม่ จำนวน 3 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการผลิตสินค้าตัวอย่างให้แก่ลูกค้าก่อนทดลอง ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันให้เป้าหมายยอดขายในปี 2557 เติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากปีนี้
ล่าสุด บริษัทร่วมทุนกับ บมจ.ซินโฟเนีย เทคโนโลยี จากญี่ปุ่น เปิดตัวบริษัท SS RFID เพื่อผลิต RFID Tags หรือฉลากอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีในการระบุชื่อ หรือลักษณะผลิตภัณฑ์ด้วยคลื่นวิทยุ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดโลก ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ขนส่ง โรงพยาบาล ซึ่งมีปริมาณการใช้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราไม่ต่ำกว่า 10% ทุกปี โดยบริษัท SS RFID ก่อตั้งด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท SMT ถือหุ้น 75% และซินโฟเนีย เทคโนโลยี จากถือหุ้น 25% นั้น บริษัทมีเป้าหมายจะนำบริษัท SS RFID เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไปในอนาคตด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าตลาด RFID Tags จะเติบโตอย่างสูงทั้งในตลาดโลก และในประเทศอาเซียน (AEC) โดยเฉพาะการใช้งานในสนามบินนานาชาติ เพื่อเป็นฉลากอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะสำหรับการติดตามกระเป๋าเดินทาง รวมถึงเป็นฉลากอัจฉริยะสำหรับสินค้าในร้านเสื้อผ้า และห้างสรรพสินค้าชั้นนำเพื่อระบุชื่อ และลักษณะของผลิตภัณฑ์สินค้า และเป็นบัตรผ่านทางของการทางพิเศษ บัตรโดยสารรถไฟฟ้า บัตรผ่านเข้าอาคารคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานต่างๆ
“คาดว่ารายได้จากบริษัท SS RFID จะมีเข้ามาในปี 57 เริ่มต้น 100 ล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 30% เนื่องจากมีความต้องการสินค้าอย่างมากในตลาดโลก และบริษัทฯ คาดว่าจะนำบริษัท SS RFID เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือ SET ภายใน 3 ปี”