“สตาร์ไมโคร อิเล็คโทรนิคส์” คงเป้ารายได้ของปีนี้ที่ 9,000 ล้านบาท หลังรับรู้รายได้ในไตรมาสแรกแล้ว 1,918 ล้านบาท จากกำลังการผลิตโตเพิ่มหลังได้เครื่องจักรใหม่ บวกเงินชดเชยกรณีน้ำท่วม ล่าสุด บอร์ดบริษัทอนุมัติงบ 100 ล้านบาท ตั้งบริษัทลูก SS RFID ร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น เพื่อผลิตชิป RFID TAG ที่มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น
นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการบริษัท บมจ. สตาร์ไมโคร อิเล็คโทรนิคส์ หรือ SMT กล่าวว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทรับรู้รายได้ 1,918 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และมีกำไรสุทธิ 302 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 275 ล้านบาท จากในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 111 ล้านบาท แต่ได้รับเงินประกันน้ำท่วมกว่า 389.90 ล้านบาท และกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนจากสถานการณ์ค่าเงินบาทอีกกว่า 23 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 บริษัทตั้งเป้าพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ จากผลประกอบการในธุรกิจหลัก โดยบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตแผงวงจรรวม (Integrated Circuit หรือ IC) เป็นจำนวนประมาณ 150 ล้านชิ้นต่อเดือน หลังจากกำลังการผลิตเดิม ณ สิ้นไตรมาสแรกอยู่ที่ 120 ล้านชิ้นต่อเดือน นอกจากนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าจะรักษาเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ระดับ 9,000 ล้านบาทได้ เพราะคาดว่าในไตรมาส 3 จะเป็นช่วงที่บริษัทสามารถดำเนินการผลิต ทั้งในส่วนของแผงวงจรรวม และฉลากอิเล็กทรอนิกส์ (Radio Frequency Identification หรือ RFID) เต็มกำลังจากเครื่องจักรที่ซื้อเข้ามาติดตั้งใหม่ทดแทนเครื่องจักรเก่าที่เสียหายเมื่อครั้งเกิดอุทกภัยเมื่อปี 2554
“ปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้จากฐานลูกค้ารายใหญ่ได้กว่า 80% เช่น Western Digital, Fuji Electronic และ NEC โดยบริษัทอนุมัติงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อถือหุ้น 75% ในบริษัทลูก SS RFID ร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น เพื่อผลิตชิป RFID TAG ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ตามความต้องการใช้ RFID ที่เพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าหลังจากการมุ่งเน้นธุรกิจ RFID จะทำให้รายได้ในส่วนนี้ของบริษัทเติบโตขึ้นกว่า 100% ในไตรมาส 4”
ส่วนผลสรุปของเงินชดเชยประกันจากปัญหาอุทกภัยในปี 2554 ที่ 1,691 ล้านบาท บริษัทได้ทยอยรับรู้เกือบทั้งหมดแล้ว โดยเงินก้อนสุดท้ายอีกประมาณ 17.70 ล้านบาท จะถูกนำมาบันทึกทางบัญชีในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้