ร.ฟ.ท.เปิดเดินรถสายเหนือปกติแล้วตั้งแต่ช่วงเที่ยง หลังระดมเจ้าหน้าที่กู้ทางทั้งคืน “ประภัสร์” สั่งหาสาเหตุแท้จริงเพื่อหาทางป้องกันให้ตรงจุด พร้อมกำชับใช้ความเร็วต่ำในจุดที่มีความเสี่ยง ขอความเข้าใจประชาชนชี้เหตุตกรางถี่เพราะสภาพทางรถไฟขาดการดูแลเอาใจใส่มานาน มั่นใจหลังปรับปรุงทางเสร็จปี 58 อุบัติเหตุต้องลดลง ส่วนทางคู่ช่วยเพิ่มความเร็วไม่ต้องรอหลีก
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า จากเหตุขบวนรถไฟด่วนพิเศษที่ 1 (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่) เกิดอุบัติเหตุตกราง ที่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ เมื่อคืนวันที่ 17 กรกฎาคม 2556 ทำให้ต้องปิดทางระหว่างสถานีปากปาน กับสถานีแก่งหลวง อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ นั้น เจ้าหน้าที่ ร.ฟ.ท.ได้เร่งกู้ ยกรถที่ตกราง และปรับปรุงทางให้เกิดความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้รับการประสานงานจากผู้เกี่ยวข้องว่าสามารถเปิดให้ขบวนรถไฟผ่านจุดดังกล่าวได้ในวันนี้ (18 ก.ค.) ตั้งแต่เวลา 12.00 น. สำหรับการให้บริการรถไฟสายเหนือในวันนี้ ประชาชนสามารถใช้บริการได้ตามปกติ สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดเวลาเดินรถได้ที่โทรศัพท์สายด่วน 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนการตรวจสอบสาเหตุตกรางนั้น มีคณะกรรมการตรวจสอบของ ร.ฟ.ท.ซึ่งจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ โดยได้กำชับให้ดำเนินการตรวจสอบอย่างเต็มที่เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และนำมาป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องความผิดเกี่ยวกับบุคคล คาดว่าจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงจะสรุปผลได้
นายประภัสร์กล่าวว่า สภาพทางรถไฟนั้นผ่านการใช้งานมานานโดยขาดการดูแลซ่อมบำรุงอย่างต่อเนื่อง โดยมีระยะทางกว่า 3,800 กิโลเมตร เป็นทางเก่าที่ก่อสร้างมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ส่วนเส้นทางใหม่ที่เป็นระบบทางคู่มีเพียง 200 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น ดังนั้นจึงทำให้สภาพทางในบางจุดชำรุด ถูกน้ำท่วม โดยขณะนี้ได้กำชับให้พนักงานขับรถใช้ความเร็วต่ำในทุกจุดที่มีความเสี่ยง ซึ่งอาจจะกระทบต่อความล่าช้าในการเดินรถ
“ต้องขอความเห็นใจ และอยากให้ประชาชนผู้ใช้บริการเข้าใจปัญหาของรถไฟขณะนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาขาดการดูแลเอาใจใส่มานาน โดยขณะนี้รถไฟอยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนปรับปรุงสภาพทางและเปลี่ยนรางทั่วประเทศ ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2558 โดยมั่นใจว่าจะทำให้ทางมีความมั่นคงแข็งแรงมากขึ้น และการเกิดอุบัติเหตุจะลดลงแน่นอน และต่อไปการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 5 เส้นทางจะแล้วเสร็จ จะช่วยทำให้ไม่ต้องรอหลีก สามารถเดินรถได้ตรงตามเวลามากขึ้น” นายประภัสร์กล่าว