แพร่ - ตำรวจลุยตรวจที่เกิดเหตุรถไฟสายเหนือตกราง พบพิรุธสลัก-รางรถไฟเล็กกว่ามาตรฐาน เจอแรงกระแทกขณะรถไฟวิ่งผ่านสลักหลุด ทำตกราง 7 โบกี้ พร้อมโยนให้ ร.ฟ.ท.ตรวจสอบต่อ ภาค ปชช.จี้รัฐปรับมาตรฐานรถไฟไทย ก่อนทำรถไฟความเร็วสูง
พ.ต.ท.เด่น ตันไชย พนักงานสอบสวน สภ.เด่นชัย จ.แพร่ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุขบวนรถไฟด่วนนครพิงค์ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ตกรางในท้องที่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ เมื่อเวลา 03.45 น.วันนี้ (17 ก.ค.) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบสาเหตุร่วมกับทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยพบว่ารถไฟขบวนนี้มีนายไพฑูรย์ จำหนอง เป็นพนักงานขับรถ, นายพิสิทธิ์ ขุนทอง เป็นช่างเครื่อง
เมื่อรถไฟเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ พบว่าหมอนรถไฟที่เป็นปูนซิเมนต์หัก และสลักรวมทั้งรางที่ใช้เล็กกว่ามาตรฐาน เมื่อรถไฟวิ่งเข้าเหยียบ แรงกระแทกทำให้สลักยึดเหล็กรางรถหลุดเป็นสาเหตุให้รถไฟตกราง
จากการตรวจสอบทำให้ทราบว่ารางที่ทางการรถไฟฯ ซ่อมใหม่ไม่ได้มาตรฐาน จึงไม่ตั้งข้อหาดำเนินคดีต่อพนักงานขับรถ แต่ให้เป็นหน้าที่ของการรถไฟฯ ที่จะดำเนินการต่อไป
ด้านนางมะลิวัลย์ นาควิโรจน์ นักเคลื่อนไหวเครือข่ายผู้ป่วยจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง เปิดเผยว่า รถไฟสายเหนือมีสถิติ 4 เดือนตกรางถึง 7 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องรับกรรมกับระบบการขนส่งที่ไม่มีคุณภาพของการรถไฟฯ ในขณะที่รัฐพยายามโฆษณาว่าจะมีรถไฟความเร็วสูง แต่แค่รถไฟที่มีอยู่ยังทำให้ดีไม่ได้ ถ้าเป็นรถไฟความเร็วสูง ยิ่งไม่ดูแลอีก การเกิดอุบัติเหตุจะรุนแรงกว่านี้อีกหลายเท่า
จึงอยากเรียกร้องให้รัฐหันมาให้ความสำคัญปรับปรุงเส้นทางรถไฟรางคู่สายเหนือให้มีความปลอดภัย โดยเอาอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นบทเรียนในการพัฒนาให้ดีขึ้น
นายประหยัด นุชนาคา ข้าราชการบำนาญใน ต.เด่นชัย อ.เด่นชัย จ.แพร่ กล่าวว่า ตนเห็นความสำคัญของการขนส่งสินค้า-คนโดยรถไฟ แต่ปัจจุบันเราไม่สามารถไว้ใจกับการใช้บริการได้ จึงต้องหายานพาหนะส่วนตัวมาใช้แทน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ถูกถ้าเทียบกับสถิติการเกิดอุบัติเหตุของรถไฟไทย
“อุบัติเหตุครั้งนี้ถือเป็นความเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศไทย เพราะทั้งขบวนมีแต่ผู้ศรัทธาประเทศไทย คือนักท่องเที่ยว รัฐบาลยังนิ่งดูดาย ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ซึ่งรถไฟแบบนี้มีประโยชน์และสำคัญต่อประเทศไทยอยู่ ควรปรับปรุงก่อนการนำเงินมหาศาลไปลงทุนรถไฟความเร็วสูง”
