ASTVผู้จัดการ - เปิดเอกสารข้าวเหนียวไทยโดนกักที่นิวยอร์กเพราะปนเปื้อนยาฆ่าแมลงตั้งแต่ พ.ค. 56 จน USFDA ออกเอกสารแจ้งเตือน ล่าสุดผู้นำเข้าที่แอลเอเผยสินค้าข้าวสารไทยโดนกักอีกเกือบ 20 ตู้ ผิดหวัง รมต.-ข้าราชการ-ทูตไทยในต่างแดนรับใช้นักการเมืองสุดลิ่มโดยไม่ รักษาผลประโยชน์ชาติ และชื่อเสียงข้าวไทย โอดต่อไปนี้ข้าวไทยเหมือนโดนยกเลิกกรีนการ์ด
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. เว็บไซต์ ASTVผู้จัดการ และสื่อในเครือได้นำเสนอข่าว เรื่ององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (USFDA) แจ้งเตือนกักกันสินค้าข้าวไทย หลังมีข่าวออกมาว่าข้าวในโครงการรับจำนำของรัฐบาลไทยมีปัญหาเรื่องการใช้สารเคมี และยาฆ่าแมลงเกินขนาด อันจะก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมข้าวไทยมหาศาล จนวานนี้ (28 มิ.ย.) รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มอบหมายรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจง เช่น นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวกับการผลิตและส่งออกข้าวออกมายืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง
วันนี้ (29 มิ.ย.) แหล่งข่าวจากวงการผู้ส่งออกข้าวไปสหรัฐฯ และนำเข้าข้าวในสหรัฐฯ ได้นำเอกสารการถูกกักกันของสินค้าข้าวไทยโดย USFDA ที่มลรัฐนิวยอร์กมาเปิดเผย สำหรับข้าวที่ถูกกักกันคือ ข้าวเหนียว และข้าวเหนียวดำ จำนวนหลายล็อต ด้วยเหตุผลว่าสินค้าข้าวที่นำเข้าจากไทยกลุ่มดังกล่าวมีการปนเปื้อนของ “ยาฆ่าแมลง (Pesticide Chemical)”
จากการตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติมของผู้สื่อข่าวพบว่า การกักกันข้าวไทยเนื่องจากมีการปนเปื้อนของยาฆ่าแมลงล็อตดังกล่าว นำมาสู่การออกประกาศ Import Alert 99-08 ขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2556 (ดูรายละเอียดตามลิงก์ www.accessdata.fda.gov/cms_ia/importalert_259.html ซึ่งแจ้งเตือนว่า ข้าวไทยที่ถูกกักกันคือสินค้าข้าวจากบริษัท ยูนิเวอร์แซล ไรซ์ ที่อยู่ 39/95 หมู่ที่ 2 ตำบลบางกระเจ้า อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ประเทศไทย
“เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ข้าวเหนียวกับข้าวเหนียวดำจากไทยโดนกักที่นิวยอร์กเจ้าหน้าที่ไทยยังไม่รู้เรื่องเลย ล่าสุดที่ลอสแองเจลิสข้าวสารจากไทยก็โดนไปแล้ว 4 ตั๋ว เกือบ 20 ตู้แล้วก็ยังไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่ใน USFDA เขาเตือนแล้วยังไม่ไปตรวจสอบให้ดี ส่วนพวกรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กับข้าราชการไทยทั้งที่อยู่ในประเทศ รวมถึงทูต ทูตเกษตรฯ ทูตพาณิชย์ กลับรับใช้การเมืองออกมาซี้ซั้วพูด ตอบโต้ ASTVผู้จัดการโดยไม่ได้ติดตามข้อเท็จจริงล่าสุดทั้งๆ ที่เรื่องเกิดตั้งเป็นเดือนแล้ว อย่างนี้พวกผมเสียดายเงินเดือนที่มาจากภาษีพวกเรา” แหล่งข่าวที่คร่ำหวอดในการนำเข้า-ส่งออกสินค้าไทยในสหรัฐฯ กล่าวด้วยความผิดหวัง
“ทราบข่าวมาว่า ต่อไป USFDA จะไม่ใช้วิธีสุ่มตรวจแล้ว แต่ให้ผู้นำเข้าข้าวไปจ้างห้องแล็บเอกชนตรวจ โดยห้องแล็บเหล่านี้มีการติดต่อกับ USFDA โดยตรง ซึ่งไม่มีทางที่จะยัดเงินใต้โต๊ะได้แน่นอน แล้วค่าตรวจก็สูงมากคือ 1,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 30,000 บาทต่อหนึ่งตู้ เพราะฉะนั้นต่อไปพวกผู้นำเข้าข้าวไทยไม่ว่าจะเป็นจีน เวียดนาม กัมพูชา ก็จะไม่กล้าสั่งสินค้าข้าวไทยต่อไปแล้วเพราะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ... พูดง่ายๆ จากเดิมที่เขาเคยให้กรีนการ์ดข้าวไทย ตอนนี้เขายกเลิกวีซ่าแล้ว” แหล่งข่าวกล่าวเสริม
ผลจากการแจ้งเตือนดังกล่าวของ USFDA สหรัฐฯ ข้างต้นทำให้ผู้นำเข้าข้าวไทยระส่ำระสายอย่างหนักเกรงว่าจะได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง เพราะเพียงแค่การกักกันรอการตรวจสอบก็อาจทำให้ผู้บริโภคหรือลูกค้าเกิดความไม่มั่นใจแล้ว และกรณีที่เกิดขึ้นอาจทำให้ผู้นำเข้าหลายรายเปลี่ยนใจนำเข้าข้าวจากประเทศคู่แข่งของไทย เช่น เวียดนาม และกัมพูชาแทน
ทั้งนี้ สถานการณ์การส่งออกข้าวไทยจากข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศพบว่า ในช่วง 5 เดือนของปี 2556 (ม.ค.-พ.ค.) ไทยส่งออกข้าว 2.5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1,794 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 52,988 ล้านบาท ราคาส่งออกเฉลี่ยตันละ 715 เหรียญสหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณและมูลค่าส่งออกลดลงร้อยละ 14.7 และร้อยละ 8.9 ตามลำดับ
สำหรับเป้าหมายการส่งออกข้าวปี 2556 กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 8.5 ล้านตัน มูลค่า 5,700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยลูกค้ารายใหญ่ก็คือ สหรัฐอเมริกา
สถิติการส่งออกข้าวไทยไปสหรัฐฯ ในช่วง 4 เดือนของปี 2556 (ม.ค.-เม.ย.) ส่งออกได้ปริมาณ 130,178 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2555 ที่ส่งออกได้ 106,427 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.32 โดยข้าวที่ส่งออกส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิ และข้าวหอมมะลิอินทรีย์ เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อ และผู้บริโภคให้ความสำคัญต่อเรื่องสุขภาพ