xs
xsm
sm
md
lg

ธนาคารกลางจีนปล่อยดอกเบี้ยตลาดเงินพุ่ง หวังกวาดล้างบริษัทปล่อยเงินกู้นอกระบบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

        บรรดาบริษัทจีนกำลังใช้ช่องทางใหม่ๆในการดำเนินธุรกิจปล่อยกู้ ในขณะที่บริษัทเหล่านี้ประสบปัญหาในการทำกำไรจากธุรกิจแบบดั้งเดิม ในช่วงที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี การปล่อยกู้แบบนี้ทำให้ เกิดความกังวลกันว่า จีนอาจจะเผชิญความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นจากปริมาณหนี้ที่ระดับสูง
        บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งของรัฐบาลจีนประสบปัญหากำลังการผลิตสูงเกินไป แต่บริษัทกลุ่มนี้มีช่องทางในการกู้เงินด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ ดังนั้นทางบริษัทจึงกู้ยืมเงินในช่วงนี้ แต่ไม่ได้กู้เงินเพื่อนำไปลงทุนในธุรกิจ ของตนเอง แต่นำเงินดังกล่าวไปปล่อยกู้ต่อแก่บริษัทขนาดเล็กด้วยอัตราดอกเบี้ย ที่สูงถึง 2-3 เท่าของอัตราดอกเบี้ยทางการ ซึ่งการปล่อยกู้เช่นนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของการปล่อยกู้นอกระบบที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าจะปราบปราม
        ธนาคารกลางจีน (PBOC) เพิ่มแรงกดดันต่อภาคธนาคารให้ควบคุมการปล่อยกู้นอกระบบ และควบคุมการซื้อขายเพื่อเก็งกำไรในตลาดเงินในสัปดาห์ที่แล้ว โดยธนาคารกลางจีนใช้วิธีปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น พุ่งขึ้นสู่ระดับที่สูงมาก
        ตลาดธนาคารเงาหรือตลาดการปล่อยกู้นอกระบบนี้มีขนาด 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ โดยธุรกรรมที่มีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุดในตลาดนี้คือ สินเชื่อแบบ entrusted loan และตั๋วแลกเงินของธนาคาร
        สินเชื่อ entrusted loan คือการที่บริษัทแห่งหนึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้  แต่เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงคำสั่งห้ามการปล่อยกู้โดยตรงแก่บริษัทแห่งอื่นๆ บริษัทแห่งนั้นจึงกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้เงิน ดังกล่าวแก่ลูกหนี้ที่เฉพาะเจาะจง โดยที่บริษัทเจ้าหนี้เป็นผู้กำหนดปริมาณเงิน, ระยะเวลา และอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อนี้ ในขณะที่ธนาคารได้รับค่าธรรมเนียมจากทั้งสองฝ่าย โดยที่สินเชื่อดังกล่าวไม่ปรากฏอยู่ในงบดุล
บัญชีของธนาคาร
        ตั๋วแลกเงินคือหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อขายได้และให้กระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ โดยบริษัทหลายแห่งได้ซื้อตั๋วแลกเงินของธนาคาร และขายตั๋วแลกเงินดังกล่าว ออกไปเพื่อนำเงินสดบางส่วนมาใช้ในการปล่อยกู้ และนำเงินที่เหลือไปซื้อตั๋วแลกเงินเพิ่มเติมอีก โดยการทำเช่นนี้เป็นการรับประกันว่าทางบริษัทจะมีเงินทุนและรายได้อย่างต่อเนื่อง
        ปริมาณการปล่อยสินเชื่อ entrusted loan และการออกจำหน่าย ตั๋วแลกเงินของธนาคาร พุ่งขึ้นกว่า 2 เท่า สู่ 1.6 ล้านล้านหยวน (2.61แสนล้านดอลลาร์) ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ โดยพุ่งขึ้นจาก 6.36 แสนล้านหยวนเมื่อหนึ่งปีก่อน
        ผู้บริหารคนหนึ่งในบริษัทเหล็กกล้าของรัฐบาลจีนในมณฑลชานตงกล่าวว่า  "เราไม่สามารถใช้เงินในการขยายการผลิตออกไปได้" และเขากล่าวเสริมว่า  "เราจะขาดทุนมากยิ่งขึ้นถ้าหากเราผลิตเหล็กกล้าออกมามากยิ่งขึ้น ดังนั้นเราจึงจำเป็นพึ่งพาช่องทางอื่นๆ" โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทของเขา ขาดทุน 100-200 หยวนต่อเหล็กกล้า 1 ตันที่ขายได้
        คาดกันว่าเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวในไตรมาสปัจจุบัน ในขณะที่ผู้ส่งออกได้รับแรงกดดันจากภาวะอ่อนแอของตลาดโลก และปัจจัยนี้ส่งผลให้การปล่อยกู้กลายเป็นช่องทางธุรกิจที่มีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น
        อย่างไรก็ดี มีความกังวลกันว่า การปล่อยกู้แบบนี้จะส่งผลให้มีเงินกู้หลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจที่ไม่พึงประสงค์ในสายตาของรัฐบาลจีน เช่น การเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์ และอาจส่งผลให้เกิดหนี้เสียได้ในอนาคต ในขณะที่สินเชื่อประเภทนี้ไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจจีนเติบโตเร็วขึ้น
        ปัญหาหนี้สินกำลังจะกลายเป็นปัญหาทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดของรัฐบาลจีนในขณะนี้ โดยคณะรัฐมนตรีจีนระบุว่า คณะรัฐมนตรีจะควบคุมการไหลเวียน ของเม็ดเงินที่เข้าสู่อุตสาหกรรมที่มีกำลังการผลิตสูงเกินไป
        รัฐบาลจีนกังวลว่า ตลาดธนาคารเงากำลังก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่ในราคาสินทรัพย์ และธนาคารกลางจีนได้ดำเนินมาตรการขัดขวางภาวะฟองสบู่นี้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้วิธีปล่อยให้ตลาดเงินประสบภาวะขาดแคลนสภาพคล่อง และไม่ยอมอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาด
        ธุรกิจธนาคารเงาเฟื่องฟูขึ้นในช่วงนี้ เพราะว่าธนาคารกระแสหลักของจีนมุ่งความสนใจไปยังการช่วยเหลือกิจการขนาดใหญ่ของรัฐบาล
        สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประเมินว่า สินเชื่อคงค้างในระบบธนาคารเงาของจีนมีขนาด 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี 2012 หรือราว 44 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
        ฟิทช์ระบุว่า สินเชื่อของธนาคารเงามีขนาดราว 60 % ของจีดีพี และระบุว่าสินเชื่อทุกรูปแบบ ซึ่งรวมถึงสินเชื่อปกติ, สินเชื่อธนาคารเงา และสินเชื่อใต้ดิน มีขนาดราว 200 % ของจีดีพี
        ปริมาณการปล่อยสินเชื่อ entrusted loan มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.79 แสนล้านหยวนต่อเดือนในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2013 โดยพุ่งขึ้นจาก 1.06 แสนล้านหยวนต่อเดือนในปี 2012
        ผู้บริหารบริษัทเหล็กกล้าแห่งหนึ่งกล่าวว่า เขากู้เงินจากธนาคารด้วยอัตราดอกเบี้ยทางการที่ 6 % และหลังจากนั้นเขาก็ปล่อยกู้ entrusted loan แก่ลูกหนี้รายหนึ่งด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นสองเท่า
        ผู้บริหารบริษัทผลิตแก้วของรัฐบาลท้องถิ่นแห่งหนึ่งในมณฑลเหอเป่ยกล่าวว่า บริษัทของเขาหันมาทำธุรกิจธนาคารเงาเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ธุรกิจแก้วชะลอตัวลง โดยบริษัทของเขาปล่อยกู้ราว 30-40 ล้านหยวนในปีนี้ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 6-7 % และเป็นการปล่อยกู้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริษัทของเขาเป็นส่วนใหญ่
        บริษัทเอกชนบางแห่งหันมาทำธุรกิจแบบนี้ด้วย โดยบริษัทเจ๋อเจียง หลงเซิง  กรุ๊ป โค ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์เฉพาะทางใกล้เซี่ยงไฮ้ ระบุไว้ในรายงาน ประจำปี 2012 ว่า ทางบริษัทปล่อยกู้ entrusted loan 50 รายการ  โดยมียอดคงค้าง 3 พันล้านหยวน
        บริษัทแห่งนี้ปล่อยกู้แก่บริษัทในเครือในอัตรา 6-7 % แต่ปล่อยกู้แก่บริษัทอื่นๆในอัตราดอกเบี้ยที่สูงถึง 25 % ทั้งนี้ ทางบริษัทระบุว่า จะมีการต่ออายุสินเชื่อรายการหนึ่งที่คิดอัตราดอกเบี้ย 20 % เนื่องจากลูกหนี้รายนี้ประสบปัญหาในการชำระหนี้
        ส่วนปริมาณการออกตั๋วแลกเงินของธนาคารอยู่ที่ 2.228 แสนล้านหยวน ต่อเดือนในปีนี้ โดยพุ่งขึ้นกว่า 2 เท่าจาก 8.75 หมื่นล้านหยวนต่อเดือนในปี 2012
        สิ่งที่ทางการจีนกังวลมากที่สุดก็คือว่า เม็ดเงินแบบนี้จะไหลเข้าสู่การเก็งกำไร ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ทางการจีนพยายามสกัดกั้นภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์มานาน 3 ปีแล้ว โดยราคาบ้านใหม่ในจีนพุ่งขึ้นในเดือนพ.ค.ปีนี้เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน ขณะที่ดีดตัวขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 2 ปี
        เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเปิดเผยว่า ในบรรดา entrusted loan ทั้งหมดที่มีการปล่อยกู้ในเมืองต้าเหลียนในปี 2012 นั้น ราว 30 % เป็นการปล่อยกู้แก่ภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 12 %
        เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจีนสาขาฉงชิ่งกล่าวว่า บริษัทการเงินและบริษัทค้ำประกันสินเชื่อที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทของรัฐบาล คือผู้ปล่อยกู้รายใหญ่ในแบบ entrusted loan
        เจ้าหน้าที่กล่าวว่า "ในเมืองฉงชิ่งนั้น สินเชื่อ entrusted loan ไม่ต่ำกว่า 50 % ไหลเข้าสู่ภาคอสังหาริมทรัพย์และกิจการไฟแนนซ์ของ รัฐบาลท้องถิ่น และมีส่วนช่วยปรับลดสัดส่วนหนี้เสียในภาคอสังหาริมทรัพย์และบริษัทไฟแนนซ์ท้องถิ่น อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงกำลังเพิ่มสูงขึ้น และ อาจจะทวีความรุนแรงขึ้นมากถ้าหากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงต่อไป"
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
 
T.Thammasak
กำลังโหลดความคิดเห็น