บลจ.ออกกองบอนด์รับจังหวะหุ้นผันผวน บลจ.ฟินันซ่าออกกองทุน “ฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส 6 เดือน 8 (FAM FIP6M8)” ชูผลตอบแทน 2.70% ต่อปี ด้าน บลจ.กรุงไทยออก “กรุงไทยธนทรัพย์ บี 85 (KTSUPB85)” ชูผลตอบแทน 2.70% ต่อปี
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด กล่าวว่า “ตอนนี้สถานการณ์การลงทุนมีความผันผวนมาก ตามแถลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะเริ่มลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ผลคือ ดอลลาร์แข็ง เงินทุนไหลออกจากไทย หุ้นปรับลง และดอกเบี้ยไทยเพิ่งลงไปไม่นาน ด้วยเหตุนี้ บลจ.ฟินันซ่าจึงต้องออกกองทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝากแต่มีความเสี่ยงเพิ่มไม่มาก เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน และเป็นการตอกย้ำให้ลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ฟินันซ่ามาตลอดเห็นว่า บลจ.ฟินันซ่ายังคงช่วยหาทางเลือกในการลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่ลูกค้ารับได้มาเสนอ และตั้งแต่ผมรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟินันซ่า ผมใช้กลยุทธนี้ในการสร้างลูกค้ารายย่อยที่ลงทุนในตราสารหนี้ให้เพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ”
บลจ.ฟินันซ่าจึงออกกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส 6 เดือน 8 (FAM FIP6M8) มีอัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 2.70% ต่อปี เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 25 มิ.ย.-2 ก.ค. 2556 ทั้งนี้ สินทรัพย์ในกองตราสารหนี้บางส่วนจะลงทุนเป็นเงินฝากธนาคารต่างประเทศและในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่ลงทุนได้ ลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท
โดยกองทุนรวมมีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน และ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคารต่างประเทศ สกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC Macau, ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ฮ่องกง), ตั๋วแลกเงิน บจ.กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง (AA-), ตั๋วแลกเงิน บจ.ลิสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) (AAA), ตั๋วแลกเงิน บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+), ตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ ขึ้นไป ตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือหุ้นกู้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ เป็นต้น
ด้าน นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 85 (KTSUPB85) เสนอขายวันที่ 26 มิถุนายน-2 กรกฎาคม 2556 มูลค่า 7,000 ล้านบาท อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝาก Bank of China, Bank Danamon และ Banco BTG Pactual S.A. ในสัดส่วน 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารในประเทศ ประเภทหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.70% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) ของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 1 (KTFIX3M1) อายุ 3 เดือน ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1,160 ล้านบาท เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.40% ต่อปี
สำหรับตราสารหนี้ที่บริษัทลงทุน เช่น Bank of China มีสถานะเป็นธนาคารภาครัฐ ถือหุ้นใหญ่โดยหน่วยงานเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจีน มีบทบาทในการสนองนโยบายของภาครัฐ มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 17 ของโลก และขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของธนาคารในจีน Bank Danamon Indonesia, Tbk ( BDMNIJ) มีขนาดของสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของอุตสาหกรรมธนาคารในอินโดนีเซียที่มีธนาคารอยู่จำนวนมากถึง 120 ธนาคาร แสดงให้เห็นว่า BDMNIJ มีความสำคัญต่อระบบธนาคารของอินโดนีเซียพอสมควร
Banco BTG Pactual S.A. เป็นธนาคารหนึ่งในผู้นำด้านวาณิชธนกิจในประเทศบราซิล ทำให้มีโอกาสสูงในการได้งานใหม่ๆ เข้ามาในอนาคต อีกทั้งในอนาคตมีแผนที่จะขยายรูปแบบธุรกิจให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะกระจายความเสี่ยงในเรื่องความผันผวนของรายได้ลงไป มากไปกว่านี้เงินกองทุนของธนาคารยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งพร้อมสำหรับการเติบโตของธนาคาร
สำหรับอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้นอายุ 1 เดือน-1 ปี แกว่งตัวลงอยู่ที่ 2.54-2.57% ส่วนอัตราผลตอบแทนระยะกลางถึงยาวปรับเพิ่มขึ้น โดยมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ สำหรับภาวะตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทอ่อนค่าทดสอบ 31.20 บาทต่อดอลลาร์ จากแรงขายอย่างหนักของนักลงทุนต่างชาติทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทย หลังเฟดส่งสัญญาณเตรียมลดปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรของมาตรการ QE3 ภายในช่วงปลายปี 2556 นี้ และอาจจะยุติมาตรการในช่วงกลางปี 2557
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด กล่าวว่า “ตอนนี้สถานการณ์การลงทุนมีความผันผวนมาก ตามแถลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะเริ่มลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ผลคือ ดอลลาร์แข็ง เงินทุนไหลออกจากไทย หุ้นปรับลง และดอกเบี้ยไทยเพิ่งลงไปไม่นาน ด้วยเหตุนี้ บลจ.ฟินันซ่าจึงต้องออกกองทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝากแต่มีความเสี่ยงเพิ่มไม่มาก เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน และเป็นการตอกย้ำให้ลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ฟินันซ่ามาตลอดเห็นว่า บลจ.ฟินันซ่ายังคงช่วยหาทางเลือกในการลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่ลูกค้ารับได้มาเสนอ และตั้งแต่ผมรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟินันซ่า ผมใช้กลยุทธนี้ในการสร้างลูกค้ารายย่อยที่ลงทุนในตราสารหนี้ให้เพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ”
บลจ.ฟินันซ่าจึงออกกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส 6 เดือน 8 (FAM FIP6M8) มีอัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 2.70% ต่อปี เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 25 มิ.ย.-2 ก.ค. 2556 ทั้งนี้ สินทรัพย์ในกองตราสารหนี้บางส่วนจะลงทุนเป็นเงินฝากธนาคารต่างประเทศและในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่ลงทุนได้ ลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท
โดยกองทุนรวมมีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน และ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคารต่างประเทศ สกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC Macau, ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ฮ่องกง), ตั๋วแลกเงิน บจ.กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง (AA-), ตั๋วแลกเงิน บจ.ลิสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) (AAA), ตั๋วแลกเงิน บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+), ตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ ขึ้นไป ตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือหุ้นกู้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ เป็นต้น
ด้าน นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 85 (KTSUPB85) เสนอขายวันที่ 26 มิถุนายน-2 กรกฎาคม 2556 มูลค่า 7,000 ล้านบาท อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝาก Bank of China, Bank Danamon และ Banco BTG Pactual S.A. ในสัดส่วน 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารในประเทศ ประเภทหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.70% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) ของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 1 (KTFIX3M1) อายุ 3 เดือน ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1,160 ล้านบาท เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.40% ต่อปี
สำหรับตราสารหนี้ที่บริษัทลงทุน เช่น Bank of China มีสถานะเป็นธนาคารภาครัฐ ถือหุ้นใหญ่โดยหน่วยงานเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจีน มีบทบาทในการสนองนโยบายของภาครัฐ มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 17 ของโลก และขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของธนาคารในจีน Bank Danamon Indonesia, Tbk ( BDMNIJ) มีขนาดของสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของอุตสาหกรรมธนาคารในอินโดนีเซียที่มีธนาคารอยู่จำนวนมากถึง 120 ธนาคาร แสดงให้เห็นว่า BDMNIJ มีความสำคัญต่อระบบธนาคารของอินโดนีเซียพอสมควร
Banco BTG Pactual S.A. เป็นธนาคารหนึ่งในผู้นำด้านวาณิชธนกิจในประเทศบราซิล ทำให้มีโอกาสสูงในการได้งานใหม่ๆ เข้ามาในอนาคต อีกทั้งในอนาคตมีแผนที่จะขยายรูปแบบธุรกิจให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะกระจายความเสี่ยงในเรื่องความผันผวนของรายได้ลงไป มากไปกว่านี้เงินกองทุนของธนาคารยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งพร้อมสำหรับการเติบโตของธนาคาร
สำหรับอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้นอายุ 1 เดือน-1 ปี แกว่งตัวลงอยู่ที่ 2.54-2.57% ส่วนอัตราผลตอบแทนระยะกลางถึงยาวปรับเพิ่มขึ้น โดยมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ สำหรับภาวะตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทอ่อนค่าทดสอบ 31.20 บาทต่อดอลลาร์ จากแรงขายอย่างหนักของนักลงทุนต่างชาติทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทย หลังเฟดส่งสัญญาณเตรียมลดปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรของมาตรการ QE3 ภายในช่วงปลายปี 2556 นี้ และอาจจะยุติมาตรการในช่วงกลางปี 2557