“กบง.” มีมติลดอัตรานำเงินส่งกองทุนน้ำมันฯ ส่วนของดีเซล 0.60 บาทต่อลิตร ตรึงดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรหลังราคาโลกพุ่ง ขณะที่เบนซินส่งซิกค่าการตลาด 1.40 บาทต่อลิตรน่าจะยังรับมือได้ แต่ทำใจทิศทางน้ำมันตลาดโลกยังคงมีโอกาสปรับขึ้นอีก
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) วันนี้ (10 มิ.ย.) ว่า ที่ประชุม กบง.ได้เห็นชอบปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลลง 0.60 บาทต่อลิตร จากเดิมน้ำมันดีเซลมีอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ 3 บาทต่อลิตรเป็น 2.40 บาทต่อลิตร ทั้งนี้เพื่อคงราคาขายปลีกน้ำมันไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร
“สาเหตุที่ต้องลดการจัดเก็บเนื่องจากราคาตลาดโลกได้ปรับขึ้นสูงทำให้ค่าการตลาดผู้ค้าเหลือเพียง 0.93 บาทต่อลิตรเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ส่วนของเบนซินค่าการตลาดเฉลี่ย 1.40 บาทต่อลิตรจึงยังเป็นอัตราที่เหมาะสมอยู่ ทางผู้ค้าน้ำมันจึงยังไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงในขณะนี้” นายณอคุณกล่าว
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันตลาดโลกวันที่ 7 มิ.ย. 56 น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 100.61 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับขึ้น 1.12 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับการประชุม กบง.ครั้งก่อนที่อ้างอิงราคา 31 พ.ค. 56 ส่วนเบนซินเพิ่มขึ้น 4.58 เหรียญต่อบาร์เรลอยู่ที่ 4.58 เหรียญต่อบาร์เรล ดีเซลราคาอยู่ที่ 118.57 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.60 เหรียญต่อบาร์เรล โดยกรณีดีเซลนั้นเมื่อคำนวณจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร และเมื่อคิดต้นทุนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจาก 30.33 บาทต่อเหรียญมาอยู่ที่ 30.75 บาทต่อเหรียญ คิดเป็นผลกระทบต่อราคาน้ำมัน 0.30 บาทต่อลิตร รวมเป็น 0.60 บาทต่อลิตร
นายณอคุณกล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกมีทิศทางจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากใกล้เทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิม ทำให้ประเทศซาอุดีอาระเบียเริ่มมีการสั่งซื้อน้ำมันดีเซลสต๊อกเพิ่มในตลาดเกือบ 30% ขณะเดียวกัน ส่วนของกลุ่มเบนซินเองพบว่ามีเหตุการณ์โรงกลั่นไฟไหม้หลายแห่งส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตระดับหนึ่ง จึงทำให้ภาพรวมราคาน้ำมันยังคงแกว่งตัวไปทิศทางขาขึ้นและส่งผลต่อเนื่องให้ราคาแอลพีจีตลาดโลกตลาดล่วงหน้าเดือน ก.ค.ขยับไปอยู่ที่ 771 เหรียญสหรัฐต่อตัน