ผู้ค้าน้ำมันประกาศลดราคาขายปลีกกลุ่มเบนซินทุกชนิด 0.50 บาทต่อลิตร มีผลพรุ่งนี้ (18 เม.ย.) หลัง “กบง.” รีดเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ กลุ่มเบนซินแล้ว 50 สตางค์ต่อลิตร เว้นอี 85 คงเดิม ขณะที่ดีเซลรีดสูงถึง 1.20 บาทต่อลิตร แนวโน้มราคาน้ำมันมีโอกาสลดลงต่อเนื่องถึงไตรมาส 2 ลุ้นกองทุนน้ำมันฯ เป็นบวกใน 40 วัน
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อ 17 เม.ย.ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มเบนซิน 0.50 บาทต่อลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์อี 85 ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนดีเซลปรับเพิ่มเข้ากองทุนน้ำมันฯ 1.20 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.เป็นต้นไป ส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันยังคงเหลือค่าการตลาดที่จะลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินได้อีก
“น้ำมันโลกได้ปรับลดลงต่อเนื่องแต่แต่ 8-16 เม.ย. โดยดูไบเฉลี่ยลดลง 5.25 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เบนซิน 95 ลดลง 6.87 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล และดีเซลลดลง 6.37 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่าอีก 28 สตางค์ต่อเหรียญสหรัฐ ทำให้ค่าการตลาดผู้ค้าสูงขึ้นเฉลี่ย 3 บาทต่อลิตร ทำให้ กบง.เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ส่งผลให้รายรับเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มจาก 184 ล้านบาทต่อวัน เป็น 264 ล้านบาทต่อวัน ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ติดลบ 1.17 หมื่นล้านบาท” รมว.พลังงานกล่าว
ทั้งนี้ หากอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ อยู่ในระดับนี้จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ กลับมามีฐานะเป็นบวกอีก 40 วัน และ บมจ.ไทยออยล์ได้รายงานสถานการณ์น้ำมันตลาดโลกมีทิศทางที่จะลดลงต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 2 เนื่องจากเนื่องจากหมดฤดูหนาวทำให้ความต้องการใช้น้ำมันจะลดลง ประกอบกับเศรษฐกิจทั่วโลกไม่เติบโตเท่าที่ควรทั้งสหรัฐฯ และยุโรปทำให้สต๊อกน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูง
รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ค้าน้ำมันโดยเฉพาะ บมจ.ปตท. และ บมจ.บางจาก ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินลงทุกชนิด 0.50 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.เป็นต้นไป ยกเว้นดีเซลคงเดิม ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขต กทม.และปริมณฑลเป็นดังนี้
- เบนซิน 95 เป็น 44.35 บาทต่อลิตร
- แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 37.13 บาทต่อลิตร
- แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 34.68 บาทต่อลิตร
- แก๊สโซฮอล์อี 20 เป็น 32.18 บาทต่อลิตร
- อี 85 เป็น 21.38 บาทต่อลิตร
- ดีเซล 29.99 บาทต่อลิตร