เริ่มแล้ว! สุวรรณภูมิปิดซ่อมใหญ่แท็กซี่เวย์ และหลุมจอด หลังพบชำรุดหนัก เฟสแรกเริ่ม 10 มิ.ย.นี้ รวม 110 วันรวม 20 หลุมจอด เฟส 2 อีก 20 หลุมจอด ใช้เวลาอีก 9 เดือน ทอท.ตั้งวอร์รูมประสานสายการบินใช้รีโมตปาร์กกิ้งแทน กำชับการบินไทย-บีเอฟเอสเพิ่มคนและเครื่องมือบริการภาคพื้นไม่ให้กระทบผู้โดยสาร ด้าน AOC ขอประเมินผลกระทบวันต่อวัน จี้ ทอท.แจ้งกรณีย้ายหลุมจอดล่วงหน้า เน้นดูสิ่งแปลกปลอมบนพื้นผิว (FOD) หวั่นมีอันตรายต่อเครื่องบิน
นางระวีวรรณ เนตระคเวสนะ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2556 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเริ่มการซ่อมแซมทางขับ (แท็กซี่เวย์) และลานจอดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งถือเป็นการซ่อมครั้งใหญ่หลังจากผ่านการใช้งานอย่างหนักมานานทำให้การชำรุดสะสม โดยการซ่อมจะมี 2 เฟสใหญ่ เฟสแรกได้จัดจ้างบริษัท ไทยสเลอฯ เป็นผู้รับเหมา วงเงิน 67 ล้านบาท ระยะเวลารวม 110 วัน ส่วนเฟส 2 อยู่ระหว่างการทดสอบยางพอลิเมอร์ชนิดพิเศษ ซึ่งมีความยืดหยุ่นและใช้งานได้นานขึ้น โดยจะประมูลหาผู้รับเหมาเร็วๆ นี้ วงเงินกว่า 100 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาประมาณ 9 เดือน
และในขณะเดียวกัน ทอท.จะปรับระบบการซ่อมฉุกเฉิน จากเดิมใช้วิธีซ่อมเอง พบจุดใดชำรุดจะสั่งวัสดุเข้ามาดำเนินการแบบปะผุ ซึ่งต้องใช้เวลาซ่อม 1-2 วัน และหลังซ่อมจะใช้งานได้ไม่กี่วันก็ชำรุดอีกซ้ำซาก มาเป็นการนำแพลนยางพิเศษ 2 ตัวเข้ามาในพื้นที่พร้อมผู้เชี่ยวชาญ สามารถซ่อมเสร็จภายใน 10 ชั่วโมง ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับกรมทางหลวง (ทล.) โดยอายุใช้งานหลังซ่อมจะเพิ่มขึ้น 10-30 วัน
ทั้งนี้ ในระหว่างซ่อมหลุมจอดนั้นจะต้องปรับให้เครื่องบินไปจอดที่บริเวนลานจอดระยะไกล (Remote Parking) บางส่วน ดังนั้น เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนจึงได้เชิญสายการบินมาทำความเข้าใจ และกำชับผู้ให้บริการภาคพื้น คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บางกอกไฟล์ทเซอร์วิสเซส (บีเอฟเอส) เตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการและเพิ่มทั้งกำลังคนและอุปกรณ์เครื่องมือ
สำหรับแผนการซ่อมแซมในเฟสแรกจะดำเนินการบริเวณหลุมจอดตรงกลางอาคารผู้โดยสารหลัก คองคอร์ด C, D, E โดยแบ่งออกเป็น 4 ช่วงเพื่อทยอยปิดหลุมจอดไม่ให้กระทบต่อการให้บริการ ช่วง 1 บริเวณ T8 มี 4 หลุมจอด ใช้เวลา 25 วัน โดย 10 มิถุนายนจะปิดพื้นที่เพื่อเจาะสำรวจ ช่วง 2 บริเวณ T12 ฝั่งซ้าย 6 หลุมจอด ใช้เวลา 25-30 วัน,ช่วง 3 บริเวณ T12 ฝั่งขวา 6 หลุมจอด และช่วง 4 บริเวณ T11 มี 4 หลุม โดยคาดว่าจะมีอายุใช้งานได้อย่างน้อย 2 ปี ส่วนเฟส 2 จะปิดซ่อมแซมบริเวณ T 13, 14, 16, 17, 3, 4 รวมประมาณ 20 หลุมจอด โดยจะรอผลทดสอบยางพอลิเมอร์เกรด A บวก ซึ่งจะทำให้อายุการใช้งานนานขึ้นอีก และวางแผนการให้บริการ
โดยต้องยอมรับว่าการซ่อมทางขับและหลุมจอดครั้งนี้จะเป็นการซ่อมหนัก ใช้วงเงินรวม 220 ล้านบาท บางจุดขูดผิวลึก 33 ซม.โดยเฉพาะในเฟส 2 ซึ่งเป็นจุดที่ผ่านการใช้งาน และต้องซ่อมตั้งแต่ปี 2555 แต่ผู้รับเหมาไม่ได้คุณภาพ จึงต้องขยับแผนมาทำในปี 2556 และมีการปรับทัั้งวิธีการ คุณภาพยาง รวมถึงต้องรับประกันการซ่อมอย่างน้อย 6 เดือนเพื่อไม่ต้องซ่อมบ่อย
ด้านนางมาริสา พงษ์พัฒนพันธุ์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (AOC) กล่าวว่า สายการบินรับทราบแผนการซ่อมทางขับและหลุมจอดของสุวรรณภูมิแล้ว โดยขอให้ ทอท.แจ้งสายการบินล่วงหน้ากรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือย้ายหลุมจอดเพื่อไม่ให้กระทบต่อการให้บริการผู้โดยสารและเที่ยวบินไม่ล่าช้า และเน้นให้ระมัดระวังตรวจสอบวัสดุแปลกปลอมในเขตการบิน หรือ Foreign Object Damage : FOD เพื่อป้องกันอุบัติเหตุของเครื่องบิน ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าสุวรรณภูมิเคยมีปัญหาหนักกว่านี้ และปัจจุบันจำนวนเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้นจนไม่มีช่วง Low Season แล้ว ซึ่ง ทอท.จะตั้งวอร์รูมเพื่อประสานการทำงานกับทุกฝ่าย คงต้องประเมินผลกระทบแบบวันต่อวัน โดยขณะนี้ยังไม่มีสายการบินใดปรับเปลี่ยนตารางบิน
“ทอท.แจ้งให้สายการบินทราบแล้วว่ารีโมตปาร์กกิ้งรองรับอีก 7-8 หลุมระหว่างที่หลุมจอดประชิดอาคารทยอยปิดซ่อม ในภาพรวมเพียงพอยกเว้นเกิดสถานการณซ้อน เพราะสภาพรันเวย์ แท็กซี่เวย์ หลุมจอดของสุวรรณภูมินั้นอยู่ในสภาพชำรุดเป็นส่วนใหญ่ และขอให้ ทอท.สื่อสารข้อมูลทั้งภายใน ทอท.เอง และกับผู้เกี่ยวข้องให้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ” นางมาริสากล่าว