เปิดตัวบริษัทใหม่ JML Direct (Thailand) ใช้เป็นฐานเจาะตลาดอินโดจีน หลังทำตลาดล่วงหน้าในสิงคโปร์ เน้นใช้เทคโนโลยี Screen to Screen ดึงลูกค้าระดับล่างถึงกลางผ่านช่องทางไฮเปอร์มาร์เกตและซูเปอร์สโตร์ พร้อมรุกหนักสื่อโฆษณาทุกแพลตฟอร์ม หวังทำ 800 จุดจำหน่ายในปี 57 พร้อมยอดขาย 200 ล้านบาทใน 3 ปี
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย (Multichannel Marketing) เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมกับ JML Direct แห่งประเทศอังกฤษ ผู้นำ 1 ใน 3 ด้านธุรกิจโฮมชอปปิ้งและค้าปลีกที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Screen to Screen ในการจัดตั้งบริษัท JML Direct (Thailand) ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 3 แสนหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 100 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับธุรกิจค้าปลีกของบริษัทและเป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้า ตลอดจนเพิ่มความหลากหลายของสินค้าในการนำเสนอต่อผู้บริโภค
ระบบ Screen to Screen ดังกล่าวเป็นการสร้างการรับรู้ถึงตัวสินค้าและช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางโทรทัศน์ทั้งระบบฟรีทีวีและเคเบิลทีวีเพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้าให้ไปยังช่องทางการจัดจำหน่าย ณ ชั้นวางสินค้าที่บริษัทมีการติดตั้งจอมอนิเตอร์ที่มีการนำเทคนิคต่างๆ กว่า 20 รายการมาใช้ เพื่อทำหน้าที่ให้รายละเอียดสินค้าเสมือนเป็นพนักงานขายที่บอกถึงจุดเด่นของสินค้าแต่ละรายการเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขายสินค้านั้นๆ
นายทรงพลยังกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เรามีการติดต่อการค้าและเห็นการเติบโตของ JML Direct ประเทศอังกฤษเป็นเวลามานานกว่า 10 ปีตั้งแต่มียอดขายปีละประมาณ 2 พันล้านบาทจนกระทั่งปัจจุบันที่มียอดขายถึง 6 พันล้านบาท โดยมีปัจจัยสำคัญคือการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางค้าปลีกทั้งๆ ที่ดำเนินธุรกิจโฮมชอปปิ้งเป็นหลัก จึงได้เริ่มมีการเจรจาธุรกิจอย่างเป็นหลักการเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่มีการเปิดตัว JMT Direct ประเทศสิงคโปร์ เป็นแห่งแรกในอาเซียน
“จุดเริ่มต้นของความร่วมมือครั้งนี้คือ JML Direct ประเทศอังกฤษเห็นถึงศักยภาพและโอกาสทางการตลาดในอาเซียน จึงได้จัดตั้งบริษัทที่ประเทศสิงคโปร์เป็นลำดับแรกก่อนที่จะขยายมาในประเทศไทย โดยมีแนวทางสำคัญคือใช้ประเทศไทยเป็นฐานสำคัญในการทำการขยายตลาดกลุ่มประเทศในอินโดจีน และใช้สิงคโปร์เป็นฐานขยายตลาดประเทศอื่นๆ เนื่องจากเห็นว่าแต่ละประเทศในอาเซียนมีข้อจำกัดด้านภาษีและกฎหมายนำเข้าสินค้า ด้วยเหตุนี้ การร่วมมือในครั้งนี้จึงเท่ากับเป็นการทำตลาดปูพรมครอบคลุมทั้ง 10 ประเทศในอาเซียน”
สำหรับสินค้าของ JML Direct ประเทศอังกฤษเป็นสินค้าประเภทไลฟ์สไตล์และลีฟวิ่ง โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทเครื่องใช้ในบ้านและสินค้าสำหรับสตรีที่มีจุดแข็งด้านนวัตกรรมสินค้าที่เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้ดีขึ้น ประกอบกับมีการนำเสนอโปรโมชันส่งเสริมการขายที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย จึงส่งผลให้สินค้าประสบความสำเร็จในวงการธุรกิจค้าปลีกของประเทศอังกฤษด้วยจำนวนจุดขายกว่า 7 พันสาขา พร้อมทั้งยังมีการทำตลาดใน 72 ประเทศทั่วโลก ทั้งยุโรป อเมริกา และเอเชีย
“สินค้าของ JML Direct ประเทศอังกฤษมีหลายร้อยรายการ แต่เราเลือกเฉพาะสินค้าขายดีที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทั้งในประเทศอังกฤษ และสิงคโปร์ โดยสินค้าบางรายการสามารถขายได้ถึง 25 ล้านชิ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาในการทำตลาดใหม่และเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว ความร่วมมือในครั้งนี้จึงถือเป็นโมเดลที่สมบูรณ์มากและถือเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน เพราะหากมีสินค้าใดขายดีในตลาดประเทศไทย JML Direct ประเทศอังกฤษก็สามารถนำสินค้านั้นไปทำตลาดในประเทศอื่นๆ ได้อีกในอนาคต”
ส่วนช่องทางจำหน่ายนั้นจะเน้นทางไฮเปอร์มาร์เกตและซูเปอร์สโตร์ รวมไปถึงร้านบู๊ทส์ และวัตสัน โดยเน้นการจัดชั้นวางสินค้าให้มีความโดดเด่นและปรับเปลี่ยนหมุนเวียนสินค้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า โดยวางเป้าหมายว่าภายในปี 2556 หากมีจุดจำหน่ายสินค้าประมาณ 500 จุดจะเริ่มโฆษณาบนแพลตฟอร์มทุกสื่อโฆษณาภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2557 ก่อนที่จะเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าเป็น 800 จุดภายในปี 2557 เพื่อผลักดันยอดขาย 120 ล้านบาทภายในปี 2557 และเพิ่มเป็น 200 ล้านบาทภายใน 3 ปี
“ความร่วมมือระหว่าง ทีวี ไดเร็ค กับ JML Direct ประเทศอังกฤษ จึงเป็นเสมือนการเสริมศักยภาพด้านการทำธุรกิจค้าปลีกให้กับทีวี ไดเร็ค ในการร่วมกันสร้างความแปลกใหม่ให้แก่วงการธุรกิจค้าปลีกของไทยในการนำเสนอนวัตกรรมสินค้าที่มีความหลากหลายเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณภาพชีวิตของลูกค้าคนไทยดีขึ้น เพราะนอกจากนวัตกรรมของสินค้าแล้วเรายังมีวิธีนำเสนอที่เป็นนวัตกรรมด้วย โดยเฉพาะการร่วมมือครั้งนี้เรานำเสนอเทคนิคการขายด้วยช่องทางจากจอสู่จอ หรือ Screen to Screen ซึ่งถือเป็นเทคนิคหนึ่งในการเติมเต็มให้ทั้งสองบริษัทได้อย่างสมบูรณ์”
ทั้งนี้ เนื่องจากสินค้าหลักของ JML Direct ประเทศอังกฤษเป็นสินค้าที่เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับล่างถึงกลางในระดับราคา 300-1,000 บาท โดยเน้นช่องทางค้าปลีกเป็นหลักและจำเป็นต้องใช้สื่อโฆษณาในช่วงไพรม์ไทม์เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำตลาด ในขณะที่ทีวี ไดเร็ค จำหน่ายสินค้าในระดับกลางถึงสูงที่มีราคาประมาณ 2-3 พันบาทขึ้นไป ด้วยเหตุนี้ การก่อตั้งบริษัท JML ประเทศไทยจึงมีส่วนช่วยทำให้กระบวนการซื้อสื่อโฆษณาของทีวี ไดเร็คสมบูรณ์มากขึ้นในทุกช่วงเวลา
“เรามีปัจจัยแห่งความสำเร็จในการทำตลาด 2 ด้าน คือ เรื่องความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้จัดจำหน่ายในช่องทางค้าปลีกที่สามารถขยายเครือข่ายถึง 1 พันแห่งได้ภายในระยะเวลาไม่นานนัก ส่วนอีกประเด็นหนึ่งที่มีความสำคัญมากคือ เรื่องฐานะการเงินที่มั่นคงของบริษัทซึ่งถือว่ามีความแข็งแกร่งมาก และสามารถมีระยะเวลาการชำระเงิน หรือ Credit Term ให้คู่ค้าได้เป็นเวลานานถึง 3 เดือนในวงเงินนับสิบล้านบาท”