ASTVผู้จัดการรายวัน - “วัตสัน”-“บู๊ทส์” เปิดศึกรีเทลความงามสุขภาพ เร่งเครื่องขยายสาขาคลุมทั่วไทย รับตลาดโต และแข่งขันรุนแรง
นายร็อด เร้าท์ลี่ย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน จำกัด ผู้บริหารร้านวัตสัน เปิดเผยว่า บริษัทฯมองตลาดร้านค้าเพื่อสุขภาพและความงามในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกต่อเนื่อง จึงมั่นใจที่จะขยายธุรกิจในไทยเต็มที่ โดยปีนี้ตั้งงบประมาณการลงทุนไว้ 350 ล้านบาท ในการขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 50 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 15 สาขาและต่างจังหวัด 35 สาขา
ปีนี้ถือได้ว่าเป็นจำนวนการเพิ่มสาขาใหม่ที่สูงที่สุดในรอบ 9 ปีในไทยก็ว่าได้ ขณะที่ปีที่แล้ววางแผนเปิดสาขาใหม่ 24 แห่งแต่สามารถเปิดได้มากถึง 50 แห่ง ทำให้สิ้นปีที่แล้วมีสาขารวม 254 แห่ง ส่วนปีนี้ไตรมาสแรกที่ผ่านมาเปิดไปแล้ว 8 สาขา ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมด
ขณะที่สาขาเดิมนั้นได้เริ่มทยอยปรับโฉมใหม่หรือรีเฟรช (Refresh) เป็นคอนเซ็ปท์ใหม่ที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปีแล้วได้จำนวนหนึ่ง และคาดว่าจะปรับรูปแบบเป็นโฉมใหม่หมดทั่วประเทศเสร็จภายในปี 2557
“เรามีความมั่นใจในกลยุทธ์ของเรา โดยเฉพาะในเรื่องของ การขยายสาขาต่อเนื่อง กลยุทธ์การตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การรีเฟรชแบรนด์ การทำบัตรสมาชิก และการสื่อสารระบบดิจิตอล ทำให้เราสามารถขยายธุรกิจได้ตามเป้าหมายซึ่งปีที่แล้วรายได้รวมของเราเติบโตสองหลัก และคาดว่าปีนี้ก็เช่นกัน” นายร็อดกล่าว
ปัจจุบันวัตสันมีผู้ถือบัตรสมาชิกกว่า 1 ล้านราย ตั้งเป้าหมายปีนี้เพิ่มเป็น 1.6 ล้านราย ส่วนผลิตภัณฑ์แบรนด์วัตสันมียอดขายเติบโต 25% และปีนี้วางเผนเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 100 รายการ เน้นกลุ่มดูแลผิวและของใช้ส่วนตัว กลุ่มดูแลเส้นผม ขณะที่เฟซบุ๊ค วัตสันไทยแลนด์ มีผู้ติดตามกว่า 400,000 ราย มากเป็น 1 ใน 3 อันดับแรกของธุรกิจร้านค้าปลีกในไทย และปีนี้ได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นบนมือถือเพื่อใช้เป็นช่องทางสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคด้วย เพียงแค่สองสัปดาห์ที่เปิดตัวในเดือนมีนาคม มีผู้ดาวน์โหลดแล้วติด 1 ใน 5 ของไทยแลนด์แอพสโตร์
นางสาวประภาพรรณ พลอยแสงงาม ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท บู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านสุขภาพและความงามบู๊ทส์ เปิดเผยว่า ธุรกิจของบู๊ทส์ในประเทศไทยถือได้ว่าเป็น 1 ในประเทศที่ตลาดมีการเติบโตที่ดีและมีความแข็งแกร่ง ซึ่งในปีที่แล้ว บู๊ทส์มีรายได้รวมเติบโตสองหลัก และมั่นใจว่าปีนี้ก็จะมีการเติบโตด้วยเลขสองหลักเหมือนเดิม
โดยปีนี้บู๊ทส์จะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 30 แห่ง ส่วนปีที่แล้วเปิดสาขาใหม่ประมาณ 30 แห่งเช่นกัน ปัจจุบันมีสาขาในไทยรวม 227 แห่ง นอกจากนั้นยังมีการรีโนเวตสาขาเดิมที่ทำต่อเนื่องให้เป็นรูปโฉมใหม่ด้วย เช่นที่เอ็มโพเรียม และที่ดำเนินการอยู่เช่นที่ อัมรินทร์พลาซ่า คาดว่าปีนี้จะรีโนเวตได้รวม 5 สาขา ซึ่งสาขาใหม่จะมีขนาดพื้นที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้สามารถเพิ่มสินค้าและการบริการที่หลากหลายมากขึ้น เช่นสาขาที่สีลมเปิดใหม่ พื้นที่ 150 ตารางเมตร หรือที่เซ็นทรัลเวิลด์พื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร
“ตลาดแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น เราเองก็ต้องพัฒนาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นระบบสมาชิก การทำโปรโมชันกับลูกค้า การเปิดตัวสินค้าใหม่ๆที่มีคุณภาพ และแตกต่างจากคู่แข่งด้วยแบรนด์ของเราเองเป็นหลักและพันธมิตร ซึ่งครึ่งปีหลังนี้มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่อง” นางสาวประภาพรรณกล่าว
ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดตัว “บู๊ทส์ โบทานิคส์” ซึ่งบริษัทแม่ใช้เวลา 3 ปีในการวิจัยและพัฒนาโฉมใหมนี้ โดยร่วมมือกับสวนพฤกษศาสตร์ เดอะ รอยัล โบทานิคส์ การ์เด้นส์ คิว ซึ่งนำมาจากส่วนผสมของพรรณไม้ธรรมชาติจากประเทศต่างๆ เช่น ชิลี เบลเยี่ยม บูร์กิโนฟาโซในแอฟริกาตะวันตก จีน เป็นต้น มาสกัดเป็นส่วนผสมในการผลิต
ผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลผิวที่สกัดจากธรรมชาติมีการเติบโตค่อนข้างดี ไม่ต่ำกว่า 35% ซึ่งประเทศไทยมียอดขายของโบทานิคส์สูงเป็นอันดับที่สามของบู๊ทส์ทั่วโลก รองจาก อังกฤษ อเมริกา ขณะที่ สินค้าแบรนด์ของบู๊ทส์นั้น มีนัมเบอร์เซเว่นยอดขายสูงสุด รองมาคือ โบทานิคส์
นายร็อด เร้าท์ลี่ย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน จำกัด ผู้บริหารร้านวัตสัน เปิดเผยว่า บริษัทฯมองตลาดร้านค้าเพื่อสุขภาพและความงามในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกต่อเนื่อง จึงมั่นใจที่จะขยายธุรกิจในไทยเต็มที่ โดยปีนี้ตั้งงบประมาณการลงทุนไว้ 350 ล้านบาท ในการขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 50 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 15 สาขาและต่างจังหวัด 35 สาขา
ปีนี้ถือได้ว่าเป็นจำนวนการเพิ่มสาขาใหม่ที่สูงที่สุดในรอบ 9 ปีในไทยก็ว่าได้ ขณะที่ปีที่แล้ววางแผนเปิดสาขาใหม่ 24 แห่งแต่สามารถเปิดได้มากถึง 50 แห่ง ทำให้สิ้นปีที่แล้วมีสาขารวม 254 แห่ง ส่วนปีนี้ไตรมาสแรกที่ผ่านมาเปิดไปแล้ว 8 สาขา ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมด
ขณะที่สาขาเดิมนั้นได้เริ่มทยอยปรับโฉมใหม่หรือรีเฟรช (Refresh) เป็นคอนเซ็ปท์ใหม่ที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปีแล้วได้จำนวนหนึ่ง และคาดว่าจะปรับรูปแบบเป็นโฉมใหม่หมดทั่วประเทศเสร็จภายในปี 2557
“เรามีความมั่นใจในกลยุทธ์ของเรา โดยเฉพาะในเรื่องของ การขยายสาขาต่อเนื่อง กลยุทธ์การตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การรีเฟรชแบรนด์ การทำบัตรสมาชิก และการสื่อสารระบบดิจิตอล ทำให้เราสามารถขยายธุรกิจได้ตามเป้าหมายซึ่งปีที่แล้วรายได้รวมของเราเติบโตสองหลัก และคาดว่าปีนี้ก็เช่นกัน” นายร็อดกล่าว
ปัจจุบันวัตสันมีผู้ถือบัตรสมาชิกกว่า 1 ล้านราย ตั้งเป้าหมายปีนี้เพิ่มเป็น 1.6 ล้านราย ส่วนผลิตภัณฑ์แบรนด์วัตสันมียอดขายเติบโต 25% และปีนี้วางเผนเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 100 รายการ เน้นกลุ่มดูแลผิวและของใช้ส่วนตัว กลุ่มดูแลเส้นผม ขณะที่เฟซบุ๊ค วัตสันไทยแลนด์ มีผู้ติดตามกว่า 400,000 ราย มากเป็น 1 ใน 3 อันดับแรกของธุรกิจร้านค้าปลีกในไทย และปีนี้ได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นบนมือถือเพื่อใช้เป็นช่องทางสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคด้วย เพียงแค่สองสัปดาห์ที่เปิดตัวในเดือนมีนาคม มีผู้ดาวน์โหลดแล้วติด 1 ใน 5 ของไทยแลนด์แอพสโตร์
นางสาวประภาพรรณ พลอยแสงงาม ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท บู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านสุขภาพและความงามบู๊ทส์ เปิดเผยว่า ธุรกิจของบู๊ทส์ในประเทศไทยถือได้ว่าเป็น 1 ในประเทศที่ตลาดมีการเติบโตที่ดีและมีความแข็งแกร่ง ซึ่งในปีที่แล้ว บู๊ทส์มีรายได้รวมเติบโตสองหลัก และมั่นใจว่าปีนี้ก็จะมีการเติบโตด้วยเลขสองหลักเหมือนเดิม
โดยปีนี้บู๊ทส์จะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 30 แห่ง ส่วนปีที่แล้วเปิดสาขาใหม่ประมาณ 30 แห่งเช่นกัน ปัจจุบันมีสาขาในไทยรวม 227 แห่ง นอกจากนั้นยังมีการรีโนเวตสาขาเดิมที่ทำต่อเนื่องให้เป็นรูปโฉมใหม่ด้วย เช่นที่เอ็มโพเรียม และที่ดำเนินการอยู่เช่นที่ อัมรินทร์พลาซ่า คาดว่าปีนี้จะรีโนเวตได้รวม 5 สาขา ซึ่งสาขาใหม่จะมีขนาดพื้นที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้สามารถเพิ่มสินค้าและการบริการที่หลากหลายมากขึ้น เช่นสาขาที่สีลมเปิดใหม่ พื้นที่ 150 ตารางเมตร หรือที่เซ็นทรัลเวิลด์พื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร
“ตลาดแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น เราเองก็ต้องพัฒนาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นระบบสมาชิก การทำโปรโมชันกับลูกค้า การเปิดตัวสินค้าใหม่ๆที่มีคุณภาพ และแตกต่างจากคู่แข่งด้วยแบรนด์ของเราเองเป็นหลักและพันธมิตร ซึ่งครึ่งปีหลังนี้มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่อง” นางสาวประภาพรรณกล่าว
ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดตัว “บู๊ทส์ โบทานิคส์” ซึ่งบริษัทแม่ใช้เวลา 3 ปีในการวิจัยและพัฒนาโฉมใหมนี้ โดยร่วมมือกับสวนพฤกษศาสตร์ เดอะ รอยัล โบทานิคส์ การ์เด้นส์ คิว ซึ่งนำมาจากส่วนผสมของพรรณไม้ธรรมชาติจากประเทศต่างๆ เช่น ชิลี เบลเยี่ยม บูร์กิโนฟาโซในแอฟริกาตะวันตก จีน เป็นต้น มาสกัดเป็นส่วนผสมในการผลิต
ผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลผิวที่สกัดจากธรรมชาติมีการเติบโตค่อนข้างดี ไม่ต่ำกว่า 35% ซึ่งประเทศไทยมียอดขายของโบทานิคส์สูงเป็นอันดับที่สามของบู๊ทส์ทั่วโลก รองจาก อังกฤษ อเมริกา ขณะที่ สินค้าแบรนด์ของบู๊ทส์นั้น มีนัมเบอร์เซเว่นยอดขายสูงสุด รองมาคือ โบทานิคส์