- FED อาจชะลอมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้เร็วกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ หลังตลาดแรงงานในสหรัฐปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ ตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐในแต่ละเดือนพุ่งขึ้นราว 50 % และการจ้างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 208,000 ตำแหน่งต่อเดือนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับ 141,000 ตำแหน่งในช่วงเริ่มต้น QE3 และอัตราการว่างงานลดลงสู่ 7.5 % ในเดือน เม.ย.ปีนี้ เทียบกับ 8.1 % ในเดือนส.ค. 2012 ส่งผลให้มีโอกาสมากยิ่งขึ้นที่ FED อาจเริ่มต้นปรับลดขนาดการเข้าซื้อตราสารหนี้ในเดือนมิ.ย.
- ยอดขายบ้านในสหรัฐเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี มาอยู่ที่ 5.41 ล้านยูนิต สูงสุดนับแต่พ.ย.ปี 2009 หลังความต้องการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
- FED เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศในเดือนเม.ย. -0.53 ต่ำสุดนับแต่เดือน ม.ค. แสดงว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐยังมีปัญหาในการฟื้นตัว
- ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล คอร์เปอเรชั่น (CICC) ลดคาดการณ์ GDP จีนในปีนี้ลงเหลือ 7.7% จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 7.9% เพราะเศรษฐกิจจีนไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากขาดแรงขับเคลื่อน และไร้เสถียรภาพในเชิงโครงสร้าง
- ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตในญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ค.เป็น 6 เดือนติดกัน สู่ +7 เป็นบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี บ่งชี้ว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ ชินโซ อาเบะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่ภาคส่งออกได้รับประโยชนจากการอ่อนค่าของเงินเยน หลังจาก ธ.กลางญี่ปุ่น (BOJ) ผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงรุกในเดือน เม.ย.
- เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้เป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 3 วัน และประณามเกาหลีใต้ที่วิจารณ์การซ้อมรบของเกาหลีเหนือ และจะทำสงครามนิวเคลียร์กับเกาหลีใต้และสหรัฐ หากถูกโจมตี
- รัฐบาลเวียดนามรับว่ายังคงเผชิญกับความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค เนื่องจากยอดปล่อยสินเชื่ออยู่ในระดับต่ำที่ 2% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ 12% ขณะที่ภาคธนาคารยังต้องแก้ปัญหาหนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจ
- สศช. รายงาน GDP ไทยไตรมาส 1 ขยายตัว 5.3%YOY แต่หดตัว 2.2%QOQ เนื่องจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัว โดยการลงทุนในหมวดเครื่องจักรอุตสาหกรรมชะลอตัวลงหลังจากที่ได้มีการเร่งนำเข้ามาในช่วงไตรมาส 1 ปีที่แล้ว และการใช้จ่ายสินค้าจำเป็นปรับลดลง อย่างไรก็ดี การก่อสร้างที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์ยังสามารถขยายตัวได้ดี
- สภาพัฒน์ ลดอัตราการขยายตัวของ GDP ปีนี้เหลือ 4.2-5.2% จากเดิม 4.5-5.5% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกขยายตัวได้ต่ำกว่าคาดการณ์และมีสัญญาณของการชะลอตัว โดยการขยายตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้มีปัจจัยสนับสนุนจาก การขยายตัวทางการค้าของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลก การลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐ เป็นต้น ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้คาดว่าจะอยู่ในช่วง 2.3-3.3% ลดจากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ในช่วง 2.5-3.5% โดยเป็นผลมาจากราคาสินค้านำเข้า จากค่าเงินบาทแข็งค่า และจากการลดประมาณการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2อาจชะลอตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ 4.3% ท่ามกลางความเปราะบางของทิศทางเศรษฐกิจที่เป็นแกนหลักของโลก และการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งทำให้สัญญาณการฟื้นตัวของภาคการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยยังไม่ดีนัก ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้ อาจขยายตัวต่ำกว่า 5.0%
- กรมสรรพสามิต รายงานว่า มีผู้สละสิทธิขอคืนเงินรถยนต์คันแรกเพียง 3 พันราย ซึ่งต่ำมากหากเทียบยอดรวม 1.25 ล้านคัน ส่วนการคืนเงินแก่ผู้ใช้สิทธิโครงการรถคันแรกล่าสุดอยู่ที่ 1.9 แสนราย หรือ1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้ามีคนทิ้งใบจองมากขึ้น อาจส่งผลให้สามารถลดวงเงินงบประมาณในการจ่ายคืนลงจากเดิมที่คาดว่าในปีนี้จะใช้งบ 4.5 หมื่นล้านบาท และปีหน้าอีกราว 4 หมื่นล้านบาทได้
- SET Index ปิดที่ 1,643.40 จุด เพิ่มขึ้น +0.95% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 57,750 ล้านบาท โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นมาอยู่ในแดนบวกตามทิศทางตลาดหุ้นใน (แต่ขึ้นมากกว่า) แม้ว่า GDP ไตรมาสแรกจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 5.3% แต่ก็ไม่ส่งผลกดดันต่อจิตวิทยาการลงทุน เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าแล้ว รวมถึงนักลงทุนได้ให้ความสนใจการประชุม กนง. วันที่ 29 พฤษภาคมนี้ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่
- บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สร้างสถิติกำไรรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 241,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.80% จากงวดเดียวกันปีก่อนหน้า ด้วยยอดขายและความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจการเงินและการผลิตเพื่อการบริโภคที่มียอดขายและกำไรเติบโตโดดเด่น สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ PTT PTTEP SCB PTTGC และ KBANK ตามลำดับ
- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,299.99 จุด เพิ่มขึ้น 17.12 จุด หรือ +0.75% ซึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินและสินค้าอุปโภคบริโภค หลังผลการดำเนินงานออกมาดี นอกจากนี้ ยังมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ หลังมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
- อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอยู่ในช่วง -0.01% ถึง +0.01% สำหรับวันนี้มีประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 1/3/6 เดือน วงเงิน 78,000 ล้านบาท
- นักลงทุน เปิดสถานะขายทองคำในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าแห่งสหรัฐมากที่สุดเป็นประวัติการณ์หลัง โกลด์แมนแซคส์ คาดว่าราคาทองคำจะปรับลดลงได้อีก ขณะที่ 'จอร์จ โซรอส' มีการขายทองคำออกมาตั้งแต่ไตรมาสแรก ซึ่งราคาทองคำได้ปรับลดลงมาแล้ว 19% ในปีนี้ หลังจากเพิ่มขึ้น 6 เท่าในช่วง 12 ปีก่อนหน้า
- Ben Bernanke ให้ข้อคิดแก่บัณฑิตในงานรับปริญญาของ Bard College ว่า “ความเปลี่ยนแปลงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยน ความสำเร็จในชีวิตการทำงานคือการใช้ความรู้อย่างพลิกแพลงและสร้างสรรค์ ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่การยึดติดกับความรู้ที่มีอยู่ และจะเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
- Jim O’Neill อดีตประธานของ Goldman Sachs Asset Management ให้มุมมองต่อความสัมพันธ์ของการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ว่า ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกขยายตัว 3-4% ต่อปีมาโดยตลอด จึงตั้งข้อสังเกตว่า ศักยภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมีระดับที่เหมาะสม แต่การขยายตัวของเศรษฐกิจแต่ละภูมิภาคนั้นอาจจะแตกต่างกันไป ดังนั้น จากการคาดการณ์ว่าในอนาคตเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตด้วยอัตราชะลอลงอาจจะหมายถึงการที่ประเทศอื่นๆ มีโอกาสขยายตัวได้ดีขึ้น โดยปัจจุบันนี้จีนไม่ใช่ฐานการผลิตที่มีต้นทุนต่ำอีกต่อไปแล้ว แต่จะกลายเป็นผู้บริโภคที่มีอำนาจซื้อจำนวนมากแทน ในขณะที่ต้นทุนพลังงานราคาต่ำในสหรัฐจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สรุปคือ Jim O’Neill มองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในรอบนี้ไม่ใช่เกิดจากการอัดฉีดเม็ดเงินเท่านั้น แต่อาจจะถูกขับเคลื่อนจากปัจจัยเชิงโครงสร้างซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวมีความยั่งยืนได้ด้วย