แมงเม้าท์เล่าอินไซด์ มาแล้วววววจร้า กับตลาดหุ้นไทยที่วิ่งแจ้นขึ้นมา ยืนเหนือ 1,600 จุดได้สำเร็จ ทำไฮสูงสุดในรอบ 19 ปี ได้อีกรอบ โดยปิดวันศุกร์ที่ระดับ 1,622.48 จุด พร้อมๆ กับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ทะยานขึ้นมาทำจุดสูงสุดกันถ้วนหน้า งานนี้นักเทคนิคแนะนำให้ลองกดกราฟเทคนิคเป็นรายเดือน ก็จะเห็นได้ว่ามันทะลุแนวต้านขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว งานนี้เทรนขาขึ้นขนาดใหญ่กำลังมา เขาว่าขนาดนั้นเลยทีเดียว
ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้น ถ้ายังไม่ต่ำกว่า 1600 จุด ก็ยังเป็นภาพที่สวยงาม มีโอกาสทะยานขึ้นไปได้ แต่แน่นอนว่าระหว่างขึ้นก็อาจจะมีตบลงมาเป็นระยะๆ อยู่ที่ใจของตัวเองว่าจะกล้าทนกำไรได้หรือไม่
ก็แหม...ตอนนี้แต่ละประเทศเล่นลดดอกเบี้ยกันเป็นถิวแถว โดยเฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย เกาหลีใต้ หรือแม้แต่ เวียดนาม ... บ้างก็ว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ บ้างก็ว่าเพราะสู้ค่าเงินที่แข็งค่าไม่ไหว .. แต่เทรนการลดดอกเบี้ยที่ฮ็อตฮิตกันทั่วโลก ก็ทำเม็ดเงินขนาดใหญ่ที่ไหลวนอยู่ทั่วโลกเกิดอาการอยากจะออกมาจากพันธบัตร มาสู่ตลาดหุ้นที่กำลังคึกคักอยู่ช่วงนี้
ดังนั้นกลยุทธ์แบบนี้ก็บอกได้คำเดียวว่า ก็ต้องยอมทนกำไรปล่อยให้ราคาหุ้นขึ้นไป เมื่อเทรนใหญ่ยังดี แต่ก็อย่าลืมวางกลยุทธ์ล็อกกำไรไว้ด้วย
ถึงเวลามาส่องมุมมองนักวิเคราะห์กันว่า ตอนนี้หลายฝ่ายมีมุมมองที่ดีกับตลาดหุ้นเช่นกัน
เริ่มกันที่ "คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส มองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยบางประเทศในเอเชีย ทำให้ช่วงห่างของอัตราดอกเบี้ยไทยกว้างกว่าประเทศอื่น เม็ดเงินจึงน่าจะไหลเข้า มาในไทย แต่ก็มองว่าเม็ดเงินดังกล่าวที่ไหลเข้ามาจะเป็นลักษณะ trading มากกว่า ซึ่งจะทำให้หุ้นไทยจะแกว่งขึ้นไปได้ แต่อาจจะผันผวน เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นไทยปรับขึ้นมามากแล้ว หากขึ้นต่อก็อาจมีแรงขายทำกำไรออกมา
โดยดัชนีหุ้นไทยขณะนี้พบว่ามีค่า P/E ratio สูงถึง 17.5 เท่า ดังนั้น ตลาดหุ้นไทยจึงโอกาสที่จะถูกขายทำกำไรได้ พร้อมกับย้ำว่าให้ระวังความผันผวน แนวต้านที่ 1,647 จุด แนวรับอยู่ที่ 1,600 จุด โดยถ้าดัชนีขึ้นไปที่ระดับแนวต้านดังกล่าว แนะนำให้ขายทำ กำไรออกไปก่อน
ด้าน "คุณณาศิส ประเสริฐสกุล" รองผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เกียรตินาคิน ยังมองตลาดเป็นบวก โดยเชื่อว่าผลการประชุม ร่วมจากการหารือเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนในวันจันทร์นี้ น่าจะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นแม้ กนง.อาจไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่เชื่อว่ามาตรการ 4 แนวทางของธนาคาร แห่งประเทศไทยน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกระทรวงการคลัง แนวรับที่ 1,595 ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,645 และ 1,660
ขณะที่ "ธีรวุฒิ กานต์นิภากุล" ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีไอ เอ็มบี(ประเทศไทย) แนะนำให้ดูว่า ดัชนียืน 1,622 จุด ได้หรือไม่ถ้าทะลุไปได้ก็จะไปเจอแนวต้านที่ 1,640 จุด ส่วนปัจจัยใหม่ที่โดดเด่นที่จะชี้นำตลาดยังไม่มา โดยการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ออกมาเกือบหมด แล้ว และมองว่าส่วนที่เหลือที่จะทยอยประกาศออกมาน่าจะมีทั้งดีและไม่ดี จึงไม่น่า จะช่วยหนุนตลาดมากนัก สำหรับปัจจัยการเมืองในประเทศ ในสัปดาห์นี้ก็จะไม่มีประเด็นใหม่ที่เป็น ประเด็นใหญ่เช่นกัน ดังนั้นการแกว่งตัวของตลาดจะเป็นลักษณะผันผวน โดยมีแนว รับที่ 1,605 ส่วนแนวต้าน 1,640
ส่วนสัปดาห์นี้มีบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน ได้แก่ วันที่ 13 พ.ค.-PSL, TUF, TNITY, SVI วันที่ 14 พ.ค. ROBIN, IVL, PF, AMATA วันที่ 15 พ.ค. BCP, SSI, TOP, HYDRO วันที่ 16 พ.ค.-PTTGC, ADVANC, THCOM, CSL, INTUCH หากคิดจะลงทุนของไปฟังข้อมูลบริษัทกันก่อน ถึงจะวางใจได้ ตอนนี้เม่าลาก่อน สวัสดี
ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้น ถ้ายังไม่ต่ำกว่า 1600 จุด ก็ยังเป็นภาพที่สวยงาม มีโอกาสทะยานขึ้นไปได้ แต่แน่นอนว่าระหว่างขึ้นก็อาจจะมีตบลงมาเป็นระยะๆ อยู่ที่ใจของตัวเองว่าจะกล้าทนกำไรได้หรือไม่
ก็แหม...ตอนนี้แต่ละประเทศเล่นลดดอกเบี้ยกันเป็นถิวแถว โดยเฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย เกาหลีใต้ หรือแม้แต่ เวียดนาม ... บ้างก็ว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ บ้างก็ว่าเพราะสู้ค่าเงินที่แข็งค่าไม่ไหว .. แต่เทรนการลดดอกเบี้ยที่ฮ็อตฮิตกันทั่วโลก ก็ทำเม็ดเงินขนาดใหญ่ที่ไหลวนอยู่ทั่วโลกเกิดอาการอยากจะออกมาจากพันธบัตร มาสู่ตลาดหุ้นที่กำลังคึกคักอยู่ช่วงนี้
ดังนั้นกลยุทธ์แบบนี้ก็บอกได้คำเดียวว่า ก็ต้องยอมทนกำไรปล่อยให้ราคาหุ้นขึ้นไป เมื่อเทรนใหญ่ยังดี แต่ก็อย่าลืมวางกลยุทธ์ล็อกกำไรไว้ด้วย
ถึงเวลามาส่องมุมมองนักวิเคราะห์กันว่า ตอนนี้หลายฝ่ายมีมุมมองที่ดีกับตลาดหุ้นเช่นกัน
เริ่มกันที่ "คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส มองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยบางประเทศในเอเชีย ทำให้ช่วงห่างของอัตราดอกเบี้ยไทยกว้างกว่าประเทศอื่น เม็ดเงินจึงน่าจะไหลเข้า มาในไทย แต่ก็มองว่าเม็ดเงินดังกล่าวที่ไหลเข้ามาจะเป็นลักษณะ trading มากกว่า ซึ่งจะทำให้หุ้นไทยจะแกว่งขึ้นไปได้ แต่อาจจะผันผวน เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นไทยปรับขึ้นมามากแล้ว หากขึ้นต่อก็อาจมีแรงขายทำกำไรออกมา
โดยดัชนีหุ้นไทยขณะนี้พบว่ามีค่า P/E ratio สูงถึง 17.5 เท่า ดังนั้น ตลาดหุ้นไทยจึงโอกาสที่จะถูกขายทำกำไรได้ พร้อมกับย้ำว่าให้ระวังความผันผวน แนวต้านที่ 1,647 จุด แนวรับอยู่ที่ 1,600 จุด โดยถ้าดัชนีขึ้นไปที่ระดับแนวต้านดังกล่าว แนะนำให้ขายทำ กำไรออกไปก่อน
ด้าน "คุณณาศิส ประเสริฐสกุล" รองผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เกียรตินาคิน ยังมองตลาดเป็นบวก โดยเชื่อว่าผลการประชุม ร่วมจากการหารือเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนในวันจันทร์นี้ น่าจะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นแม้ กนง.อาจไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่เชื่อว่ามาตรการ 4 แนวทางของธนาคาร แห่งประเทศไทยน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกระทรวงการคลัง แนวรับที่ 1,595 ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,645 และ 1,660
ขณะที่ "ธีรวุฒิ กานต์นิภากุล" ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีไอ เอ็มบี(ประเทศไทย) แนะนำให้ดูว่า ดัชนียืน 1,622 จุด ได้หรือไม่ถ้าทะลุไปได้ก็จะไปเจอแนวต้านที่ 1,640 จุด ส่วนปัจจัยใหม่ที่โดดเด่นที่จะชี้นำตลาดยังไม่มา โดยการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ออกมาเกือบหมด แล้ว และมองว่าส่วนที่เหลือที่จะทยอยประกาศออกมาน่าจะมีทั้งดีและไม่ดี จึงไม่น่า จะช่วยหนุนตลาดมากนัก สำหรับปัจจัยการเมืองในประเทศ ในสัปดาห์นี้ก็จะไม่มีประเด็นใหม่ที่เป็น ประเด็นใหญ่เช่นกัน ดังนั้นการแกว่งตัวของตลาดจะเป็นลักษณะผันผวน โดยมีแนว รับที่ 1,605 ส่วนแนวต้าน 1,640
ส่วนสัปดาห์นี้มีบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน ได้แก่ วันที่ 13 พ.ค.-PSL, TUF, TNITY, SVI วันที่ 14 พ.ค. ROBIN, IVL, PF, AMATA วันที่ 15 พ.ค. BCP, SSI, TOP, HYDRO วันที่ 16 พ.ค.-PTTGC, ADVANC, THCOM, CSL, INTUCH หากคิดจะลงทุนของไปฟังข้อมูลบริษัทกันก่อน ถึงจะวางใจได้ ตอนนี้เม่าลาก่อน สวัสดี