ทอท.หารือกรมการกงสุล และ ตม.หาแนวทางการยกเลิกใช้ใบ ตม.6 เพื่อลดเวลาในการตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคลเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางผ่านสุวรรณภูมิ ขณะที่เซ็นสัญญาจ้างที่ปรึกษาออกแบบอาคารเทียบเครื่องบินรองและระบบขนส่งเชื่อมต่อและที่ปรึกษาออกแบบระบบสาธารณูปโภค วงเงินรวมกว่า 780 ล้าน เร่งสุวรรณภูมิเฟส 2 เริ่มก่อสร้าง มี.ค. 57 ตั้งเป้าเสร็จปี59 รองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี
นตา ทิวารี ประธานคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ทอท.ได้หารือกับกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ถึงแนวทางการยกเลิกใช้ใบ ตม.6 ซึ่งผู้โดยสารชาวไทยที่ต้องเดินทางระหว่างประเทศต้องกรอกข้อมูลซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนกว่า 20 ล้านคน จากผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมดกว่า 50 ล้านคนต่อปี โดยต้องกรอกทุกครั้งที่เข้าออกประเทศมองว่าเป็นการสิ้นเปลืองเวลาในการตรวจเอกสารของเจ้าหน้าที่ เฉลี่ยใช้เวลาตรวจสอบเอกสารประมาณ 10 วินาทีต่อคน ที่สำคัญเป็นการสิ้นเปลืองวัสดุ โดยในแต่ละปีกรมการกงศุลต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ใบ ตม.6 เป็นงบประมาณ 20-30 ล้านบาท จึงมีแนวคิดที่จะยกเลิกใบ ตม.6
ทั้งนี้เพื่อความคล่องตัวในการตรวจสอบเอกสารผู้โดยสารชาวต่างชาติ ปัจจุบันมีสนามบินหลายประเทศที่ใช้ระบบดังกล่าว เช่น ฮ่องกง เป็นต้น ซี่งได้มีการตั้งคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้บัตรสมาร์ทการ์ดแทนใบ ตม.6 และก่อนหน้านี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้นำระบบการตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic Channel จำนวน 16 เครื่องมาให้บริการกับผู้โดยสารคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยลดขั้นตอนและเวลาในการ ตรวจหนังสือเดินทางได้อย่างมาก
โดยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ทอท.ได้ลงนามในสัญญาจ้างที่ปรึกษาออกแบบงานอาคาเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 งานส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้และระบบขนส่งผู้โดยสาร พร้อมกับสัญญาจ้างที่ปรึกษาออกแบบงานระบบสาธารณูปโภค สำหรับโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (2554-2560) โดยนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ กรรมการ และรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ทอท.ได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา MAA 103 Group ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ จำกัด/ บริษัท ดีไซน์ 103 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด/ HOK, Inc./ NACO, Netherlands Airport Consultants B.V./ BNP Associates, Inc./ บริษัท ไวส โปรเจ็ค คอนซัลติ้ง จำกัด เป็นที่ปรึกษาดำเนินงานออกแบบอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (มิดฟิลด์คองคอร์ด) งานส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ และระบบขนส่งผู้โดยสาร(Automated People Mover ; APM) งบประมาณ 722 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาการออกแบบ 10 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2556
โดยได้กำหนดขอบเขตให้ที่ปรึกษาออกแบบอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 เป็นอาคาร 4 ชั้น พื้นที่รวมประมาณ 216,000 ตารางเมตร มีประตูทางออกเชื่อมต่อหลุมจอดประชิดอาคาร 28 หลุมจอด งานออกแบบสิ่งก่อสร้างลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรวมพื้นที่ประมาณ 960,000 ตารางเมตร รวมทั้งออกแบบสิ่งก่อสร้างส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้และระบบขนส่งผู้โดยสาร
และว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา PSS Consortium ซึ่งประกอบด้วย 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท โปรเกรส เทคโนโลยี คอนซัลแท็นส์ จำกัด, บริษัท สแปน จำกัด, บริษัท เซ้าท์อี๊สท์เอเชียเทคโนโลยี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาดำเนินงานออกแบบงานระบบสาธารณูปโภค งบประมาณ 63,970,000 บาท โดยมีระยะเวลาการออกแบบ 10 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2556 โดยที่ปรึกษาจะต้องออกแบบระบบไฟฟ้าแรงสูง ระบบประปา ระบบน้ำเย็นสำหรับเครื่องปรับอากาศและระบบบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น โดยเมื่อการออกแบบงานอาคารและออกแบบงานระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ในโครงการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว คาดว่า ทอท.จะเริ่มคัดเลือกผู้รับจ้างก่อสร้างภายในเดือนมีนาคม 2557
โดยโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นโครงการเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี จากเดิม 45 ล้านคนต่อปี วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 62,503.214 ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินการประมาณ 58 เดือนคาดว่างานก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 2559
