“พาณิชย์” ขอความร่วมมือห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ฟูดคอร์ต ขายจานด่วนเมนูแนะนำ 25-35 บาทเป็นเวลา 1 ปี เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ผู้บริโภค หลังต้นทุนวัตถุดิบลด และการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มไม่กระทบ เผยโลตัส-บิ๊กซี-แม็คโคร-เดอะมอลล์-ท็อปส์ รับปากช่วย เตรียมเรียกตลาดสดมาชี้แจงอีกรอบกันมั่วนิ่ม
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงนโยบายการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือน ที่จะทยอยปรับขึ้นตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ธ.ค. 2556 เฉลี่ยเดือนละ 50 สตางค์ว่า ไม่มีผลทำให้ต้นทุนอาหารปรุงสำเร็จปรับเพิ่มขึ้น เพราะเป็นการทยอยปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ อีกทั้งกระทรวงพลังงานจะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ค้ารายย่อย จึงไม่น่าทำให้ผู้ค้าได้รับผลกระทบมาก และหันมาผลักภาระให้กับประชาชน
นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า และศูนย์อาหาร (ฟูดคอร์ต) เพื่อขอความร่วมมือขายอาหารปรุงสำเร็จตามราคาแนะนำว่า ผู้ประกอบการทุกรายพร้อมให้ความร่วมมือในการจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จเมนูที่กำหนดตามราคาแนะนำที่จานละ 20-35 บาท เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับผู้บริโภค หลังจากที่ผ่านมามีประชาชนร้องเรียนมากว่าอาหารจานด่วนในศูนย์อาหารขายอยู่ที่จานละ 40-50 บาท ซึ่งแพงกว่าราคาแนะนำที่ไม่เกิน 35 บาท
“ผู้ประกอบการรับปากจะไม่ปรับขึ้นราคาในเมนูที่กำหนด และระบุว่าราคาวัตถุดิบไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากปีที่ผ่านมามากนัก และค่าเช่าก็ไม่ได้ปรับขึ้น โดยห้างที่ให้ความร่วมมือ ได้แก่ เทสโก้โลตัส, บิ๊กซี, แม็คโคร เดอะมอลล์ และท็อปส์ มีสาขารวมกันกว่า 300 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวนมากพอที่เป็นทางเลือกให้ประชาชนเข้าไปใช้บริการได้” นายสันติชัยกล่าว
นายสันติชัยกล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมของผู้ค้าบางร้านที่แม้จะมีป้ายกำหนดราคาขายไม่เกิน 35 บาท แต่ยังขายเกินราคา หรือบอกลูกค้าว่าเมนูแนะนำหมดแล้ว พบว่ามีเพียงบางร้านเท่านั้น แต่ห้างรับปากจะเข้มงวดกวดขันให้ผู้ค้าในฟูดคอร์ต ไม่เอาเปรียบลูกค้า และขายไม่เกินราคาแนะนำ ซึ่งหากผู้บริโภคพบเห็นพฤติกรรมเอาเปรียบสามารถร้องเรียนมาได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 กรมฯจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และหากพบผิดจริงจะดำเนินการตามกฎหมาย
โดยรายการราคาอาหารแนะนำของกรมฯ ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่ประชาชนนิยมรับประทานมีทั้งสิ้น 10 รายการ ประกอบด้วย ข้าวไข่เจียวไม่เกินจานละ 20 บาท, ข้าวราดแกงกับ 1 อย่าง 25-30 บาท และกับข้าว 2 อย่าง 30-35 บาท, ก๋วยเตี๋ยวหมู ไก่ หรือลูกชิ้นปลา ไม่เกินจานละ 30-35 บาท, อาหารตามสั่ง ได้แก่ ข้าวผัดกะเพรา, ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว ไม่เกินจานละ 30-35 บาท, ข้าวขาหมู และขนมจีนน้ำยา ไม่เกินจานละ 25-35 บาท ส่วนไข่ดาวไม่เกินฟองละ 5-6 บาท แต่หากมีพิเศษหรือเพิ่มเติมอาจเพิ่มราคาได้ตามความเหมาะสม
นายสันติชัยกล่าวว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มจะไม่กระทบต่อต้นทุนการผลิตอาหารปรุงสำเร็จ เพราะเป็นการทยอยปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ โดยก๊าซหุงต้มขนาดยอดนิยม 15 กก. จะเพิ่มขึ้นเพียงถังละ 7.50บาท หรือทำให้ต้นทุนอาหารปรุงสำเร็จเพิ่มขึ้นเพียงจานละ 5 สตางค์เท่านั้น จึงไม่ใช่เหตุผลที่จะมาปรับขึ้นราคาขายอาหารปรุงสำเร็จ แต่ยอมรับว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม อาจมีผลในทางจิตวิทยา ที่จะทำให้ประชาชน และผู้ค้ารู้สึกว่า ราคาก๊าซจะปรับขึ้นสูง แต่ที่จริงน้อยมากๆ จึงไม่ใช่เหตุผลที่ผู้ค้าจะมาอ้างขึ้นราคาขายอาหารรวดเดียวจานละ 5 บาท อีกทั้ง ในเร็วๆ นี้ กรมฯ จะเชิญผู้ค้าอาหารปรุงสำเร็จในตลาดสดมาชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องการปรับขึ้นราคาก๊าซด้วย
ส่วนการจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จตามร้านอาหารทั่วไปยอมรับว่าควบคุมราคาลำบาก เพราะต้นทุนในการทำธุรกิจแต่ละร้านแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน กรมฯ จึงไม่สามารถเข้าไปควบคุมทุกรายได้ แต่จะขอให้ผู้ประกอบการติดป้ายราคาให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกใช้บริการตามความพอใจในตัวสินค้า คุณภาพ และราคา ขณะเดียวกันจะติดตามดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาที่ไม่สมเหตุสมผล