- ประธานคณะกรรมการด้านการเงินระหว่างประเทศของ IMF กล่าวว่า ยังไม่มีทางออกสำหรับวิกฤตว่างงานทั่วโลกโดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของผู้ว่างงานระยะยาว และการว่างงานของวัยหนุ่มสาวในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญอยู่ ขณะที่อุปสรรคอันดับ 2 คือการดูแลด้านสาธารณสุขและบำนาญที่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าที่แรงงานรุ่นต่อไปจะสามารถจ่ายได้
- G20 เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายการเงินของญี่ปุ่นเพื่อแก้ปัญหาเงินฝืดและสนับสนุนการเติบโตในประเทศโดยผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นได้แสดงความเชื่อมั่นก่อนหน้าการประชุมว่าสมาชิกG20 จะเข้าใจความจำเป็นของญี่ปุ่นในการแก้ปัญหาเงินฝืดและจะไม่ออกแถลงการณ์ตำหนิอย่างรก็ตาม G20ได้เตือนว่าประเทศสมาชิกควรระวังผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเป็นเวลานานและจะป้องกันไม่ให้มีการลดค่าเงินเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน
- ประธานธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) กล่าวว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนยังไม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นนับตั้งแต่การประชุมECBช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในกรณีที่ข้อมูลเศรษฐกิจปรับตัวแย่ลงกว่านี้ทั้งนี้ ECB ได้ประเมินว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนจะหดตัวลง 0.5%ในปีนี้ ก่อนจะขยายตัว 1% ในปีหน้า
- Giorgio Napolitano ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีของอิตาลีคนใหม่ด้วยคะแนนเสียงถึง738 จากเกณฑ์ 504 เสียงที่ต้องการจากสภา จึงเป็นประธานาธิบดีอิตาลีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่2 แต่เนื่องจากตำแหน่งประธานาธิบดีอิตาลีมีวาระ 7 ปี จึงทำให้กังวลว่าเขาจะดำรงตำแหน่งไม่ครบวาระเพราะมีอายุถึง 87 ปีแล้ว
- Fitch ลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษจาก AAA เหลือ AA+ เพราะอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวและมีปัญหาหนี้สาธารณะที่คาดว่าจะสูงถึง 101% ต่อ GDP ภายใน 2ปีข้างหน้า อนึ่ง ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมานี้Moody’s ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือลงเหลือ Aa1ด้วยเหตุเดียวกัน
- ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ระบุว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกเป็นสิ่งปกติ เนื่องจากจีนต้องสละการเติบโตในระดับสูงเพื่อการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจตามที่วางแผนไว้
- เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในมณฑลเสฉวนของจีนวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.0ริกเตอร์ในวันเสาร์ที่ผ่านมาโดยมีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน ทั้งนี้มณฑลเสฉวนเคยเกิดเหตุแผ่นดินไหวความรุนแรง 8 ริกเตอร์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตที่สูงถึง 69,000 คนในปี 2551
- รมว.คลังเกาหลีใต้ กล่าวว่า การอ่อนค่าของเงินเยนส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้มากกว่าภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือแม้ว่านโยบายเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว แต่อาจสร้างปัญหาที่ยิ่งใหญ่ตามมาเช่นการเกิดสงครามค่าเงินทั้งนี้ เงินวอนเทียบกับเงินเยนได้อ่อนค่าลงแล้วกว่า 21% ใน 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ภาคส่งออกเกาหลีใต้เริ่มลดลง
- ยอดหนี้สินของบริษัทรัฐวิสาหกิจของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่392.96 ล้านล้านวอน หรือเพิ่มขึ้น 8.7% จากปีก่อน ซึ่งเข้าใกล้ระดับหนี้สาธารณะของประเทศที่เป็น445.2 ล้านล้านวอน ทำให้กังวลว่า ภาระหนี้สินดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาต่อฐานะการคลังของประเทศในอนาคต
- กิตตรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเฉพาะโครงการที่ผ่านการพิจารณาว่าคุ้มค่ากับการลงทุนเท่านั้นโดยจะมีคณะกรรมการวิเคราะห์ความคุ้มค่าของแต่ละโครงการ อันประกอบด้วยนักวิจัยของTDRI สำนักงบประมาณ ก.คลัง และ สศช.เป็นแกนหลัก โดยรัฐบาลจะคำนึงถึงความคุ้มค่าของการลงทุนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมซึ่งแตกต่างกับนักวิชาการที่มุ่งเน้นทางด้านเศรษฐกิจเท่านั้น ทั้งนี้ TDRIได้ให้ความเห็นว่าการลงทุนแนบท้าย พรบ.โครงสร้างพื้นฐานทั้ง11 โครงการเป็นการลงทุนที่ไม่มีความคุ้มค่า ส่วน เรื่องการปลดผู้ว่าธปท.เป็นแค่ความคิดเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับ ธปท. แต่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเท่านั้น พร้อมเน้นย้ำว่า จะทำงานในส่วนที่ก.คลัง รับผิดชอบให้ดีที่สุด
- รมว.พาณิชย์ ยืนยันให้คงเป้าการส่งออกในปีนี้ไว้ที่ 8-9% แม้ว่าหน่วยงานอื่นจะลดเป้าการส่งออกลงบ้างแล้วจากผลกระทบของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นโดย ก.พาณิชย์จะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ทางการตลาดและการส่งเสริมการส่งออกไปกระตุ้นให้การส่งออกเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้
- ธนวรรธน์พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ชี้ว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องหารือเรื่องเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้และช่วยกันหามาตรการที่ดีและเหมาะสมที่สุด เพราะการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเดียวคงไม่ทำให้บาทอ่อนค่าลงได้ดังนั้น ธปท. จึงควรออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรเงินไหลเข้าหรือ Capital Control เพราะเงินบาทแข็งค่ารุนแรงและเร็วเกินไปแล้วโดยขณะนี้เศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณของการชะลอตัวและฟื้นตัวช้า ซึ่งการส่งออกในปีนี้จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายของก.พาณิชย์ ที่ร้อยละ 8-9 หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า เงินบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าสูงสุดในรอบเกือบ16 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ 28.60 บาทต่อดอลลาร์โดยมีทิศทางสอดคล้องกับการแข็งค่าของสกุลเงินและตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคเอเชียรวมถึงค่าเงินหยวนของจีน ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทย
- ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของ ธอส. เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในไตรมาสแรกอยู่ที่57.8 เพิ่มขึ้นจาก 56.8 ในไตรมาสก่อน ขณะที่ดัชนีความคาดหวังในอีก6 เดือนข้างหน้าเป็น 71.6 เพิ่มขึ้นจาก71.0 ในไตรมาสก่อน บ่งชี้ว่า ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคตโดยเฉพาะด้านยอดขาย การลงทุน และการจ้างงาน
- กสทช.เห็นชอบร่างประกาศ กสทช. 3 ร่างเกี่ยวกับการใช้โครงข่ายร่วมกัน เพื่อรองรับการเปิดให้บริการระบบ3G คลื่นความถี่ 2.1 GHz ของภาคเอกชน โดยขั้นตอนต่อไปจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ซึ่งจะทำให้คนไทยอาจได้ใช้บริการระบบ 3G ภายในเดือนนี้
- SETIndex ปิดที่ 1,545.46 จุด เพิ่มขึ้น 15.70 จุด หรือ +1.03%ด้วยมูลค่าซื้อขาย 58,536 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 755.59ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดภูมิภาคและความคาดหวังต่อผลประกอบการที่ดีในไตรมาส 1/56 ของบริษัทจดทะเบียน
- กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบีทีเอสโกรท(BTSGIF) ได้เข้าไปจดทะเบียนให้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วเมื่อวันที่ 19 เม.ย.2556 โดยราคาปิดในวันแรกเป็น 12.00 จากราคา IPO10.80 บาท
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยทุกช่วงอายุ โดยเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วง 0.00% ถึง 0.02% สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูลพันธบัตร