xs
xsm
sm
md
lg

ความเห็นนักวิเคราะห์ต่อทิศทางทองหลังราคาทรุดตัวครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

          หลังจากราคาทองดิ่งลงอย่างรุนแรงในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาจนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี นักลงทุนก็ตั้งคำถามว่า ทองควรจะครองสัดส่วนมากเพียงใดในพอร์ทลงทุน

           ที่ผ่านมา ราคาทองปรับตัวขึ้นติดต่อกันนาน 12 ปี ขณะที่โพลล์รอยเตอร์ที่สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ 37 รายในเดือนม.ค.แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้นักวิเคราะห์คาดว่าภาวะกระทิงของราคาทองจะชะลอตัวลง แต่ค่าเฉลี่ยของราคาทองก็จะขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ในปีนี้และปีหน้า

           ถึงแม้ธนาคารหลายแห่งเริ่มปรับลดการคาดการณ์ที่ว่าราคาทองจะสามารถทำลายสถิติสูงสุดที่ 1,920.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งทำไว้ในปี 2011 ได้ในอนาคต แต่ธนาคารส่วนใหญ่ก็ยังคงเห็นด้วยกับเหตุผลพื้นฐานที่สนับสนุนให้ถือครองทองในฐานะสกุลเงินทางเลือก และในฐานะเครื่องมือประกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดีปัญหาไซปรัสทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป

          เอกสารของคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ที่ออกมาในวันพุธที่ 10 เม.ย.ระบุว่า รัฐบาลไซปรัสจำเป็นต้องขายทองคำสำรองส่วนเกินเพื่อระดมทุน 400 ล้านยูโร เพื่อนำมาใช้ตามเงื่อนไขของมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ

          ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมกำหนดนโยบายประจำวันที่ 19-20 มี.ค.ในวันที่ 10 เม.ย.เช่นกัน โดยรายงานการประชุมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีแนวโน้มที่จะยุติมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ครั้งใหญ่ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ

          ราคาทองดิ่งลง 1.6% ในวันที่ 10 เม.ย. ก่อนจะเข้าสู่เสถียรภาพในวันที่ 11 เม.ย. อย่างไรก็ดีราคาทองรูดลง 5.2% ในวันศุกร์ที่ 12 เม.ย. และดิ่งลง 8.4% ในวันจันทร์ที่ 15 เม.ย. ในขณะที่นักลงทุนพากันเทขาย โดยการทรุดตัวลงของราคาทองในวันศุกร์และวันจันทร์นี้ถือเป็นการปรับตัวลงระยะสองวันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี

          นายเปโดร เด โนรอนฮา หุ้นส่วนของบริษัทนอสเตอร์ แคปิตัล กล่าวว่า "สำหรับสินทรัพย์ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดกระแสเงินสดประเภทนี้ ถือเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะตัดสินใจได้ว่า เราควรจะเข้าซื้อเพิ่มเติมเมื่อใด และการดิ่งลงของราคาทองได้สิ้นสุดลงแล้วหรือไม่"

          "เราโชคดีที่สามารถระบายสถานะซื้อทั้งหมดของเราออกมาเมื่อราคาทองอยู่ที่ราว 1,560 ดอลลาร์ โดยเรากำลังจับตาดูสถานการณ์ แต่จะยังไม่ทำสิ่งใดในช่วงนี้"

          ดัชนีความผันผวนของกองทุน ETF ทองในตลาดออปชั่นชิคาโก บอร์ด (CBOE) พุ่งขึ้นกว่า 60% ในวันจันทร์ ในขณะที่ราคาทองดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 2 ปี โดยดัชนีดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาทองจะมีความผันผวนอย่างมาก

          นักลงทุนในกองทุน ETF ทองได้ไถ่ถอนเงินลงทุนออกมาเป็นจำนวนมากในช่วงนี้

          นายฌอน คอร์ริแกน หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัท เดียพาสัน คอมมอดิตีส์ แมเนจเมนท์ กล่าวว่า "ผมไม่คิดว่ามีใครที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ราคาทองจะเคลื่อนไหวมากขนาดนี้ และวอลุ่มการซื้อขายจะอยู่สูงขนาดนี้ เหตุการณ์นี้ได้สร้างความเสียหายเป็นอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน"

          นายคอร์ริแกนกล่าวเสริมว่า ประสิทธิภาพของทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้ลดลงมานานระยะหนึ่งแล้ว ในขณะที่ปัจจัยต่างๆที่เคยหนุนราคาทองให้พุ่งขึ้นในอดีตกลับไม่ส่งผลเช่นนั้นในปัจจุบัน เช่น วิกฤติหนี้ไซปรัส

          วาณิชธนกิจบางแห่งได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาทองลงในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย โดยในวันที่ 10 เม.ย. โกลด์แมนแซคส์ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาทองลงเป็นครั้งที่สองในรอบ 6 สัปดาห์ โดยให้เหตุผลว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และราคาทองอยู่ในระดับอ่อนแอในระยะหลัง

          หลังจากการดิ่งลงในช่วงนี้ ราคาทองก็ลดลงมาแล้วราว 20% จากช่วงต้นปีนี้ และดิ่งลงมาแล้ว 28% จากสถิติสูงสุดที่ทำไว้ในปี 2011

          ตัวเลขขั้นต้นที่ออกมาในวันจันทร์ระบุว่า วอลุ่มการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าทองในตลาด COMEX ของสหรัฐอยู่ที่ 689,000 สัญญา ซึ่งอยู่สูงกว่าสถิติสูงสุดที่เคยทำไว้ที่ 486,315 สัญญาในวันที่ 28 พ.ย. 2012

          ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ยอมรับว่า ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นแรงเทขายทองในครั้งนี้ คือความกังวลที่ว่าธนาคารกลางของประเทศอื่นๆในยูโรโซนอาจจะขายทองออกมาในอนาคตตามไซปรัสและคำสั่งขายของกลุ่มกองทุนก็ส่งผลให้ราคาทองดิ่งลงอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น

          อย่างไรก็ดี แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ระบุว่า "การดิ่งลงของราคาทองเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายได้ เมื่อพิจารณาจากตัวแปรดั้งเดิม เช่น ค่าดอลลาร์ที่ถ่วงน้ำหนักทางการค้า หรืออัตราดอกเบี้ย และสิ่งนี้ทำให้เกิดความกังวลกันว่า ชื่อเสียงของทองในฐานะสกุลเงินทางเลือกอาจจะได้รับความเสียหาย"

          ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่า จะต้องใช้เวลานานเพียงใดก่อนที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะกลับคืนมา ในขณะที่กลุ่มกองทุนมีแนวโน้มลดการลงทุนในทอง และมีการคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลลบต่อราคาทอง

          ผู้ที่ยังคงคาดการณ์ในทางบวกต่อราคาทองกล่าวว่า ธนาคารกลางหรือภาครัฐของประเทศต่างๆยังคงเข้าซื้อทองอย่างจริงจัง และทองมีประโยชน์ในฐานะเครื่องมือรักษามูลค่าที่มีสภาพคล่องสูง โดยสิ่งนี้ได้รับการตอกย้ำจากข้อเสนอที่ให้ไซปรัสขายทองออกมา

          นายแดเนียล เบรบเนอร์ นักวิเคราะห์ของดอยช์ แบงก์ กล่าวว่า"ธนาคารกลางโดยรวมไม่มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ขายทองสุทธิ"

          "ผมไม่แน่ใจว่า ความผันผวนที่ระดับสูงในช่วง 3 วันนี้จะส่งผลให้บทบาทของทองลดลงเป็นอย่างมากหรือไม่ ผมคิดว่ามีสถาบันหลายแห่งที่จะปรับเปลี่ยนแนวคิดเรื่องการใช้ทองเป็นทางเลือกทางการลงทุน เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่า ทองกลายเป็นอดีตไปแล้วจริงหรือไม่"

(ข่าวจาก สำนักข่าวรอยเตอร์)
T.Thammasak
กำลังโหลดความคิดเห็น