xs
xsm
sm
md
lg

“ทอง” ในตลาดโลก “คลาน” กลับขึ้นมาได้บ้าง หลังดำดิ่งเหวลึกสุดรอบ 30 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ราคาทองคำในตลาดโลกดีดตัวกระเตื้องกลับขึ้นมาเล็กน้อยทางแถบเอเชียในวันอังคาร (16) ภายหลังดำดิ่งทรุดฮวบลงต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี ด้วยเหตุผลข้ออ้างเรื่องตัวเลขอัตราเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอ และรายงานข่าวไซปรัสกำลังวางแผนการขายทองคำสำรองของตนเพือหาเงินชดใช้ภาระหนี้สิน

พวกนักวิเคราะห์บอกว่า มูลค่าของทองคำที่หล่นหายไปถึง 13% ในช่วงระหว่างตอนเปิดตลาดวันศุกร์ (12) จนกระทั่งถึงตอนปิดตลาดวันจันทร์ (15) แสดงให้เห็นว่าการวิ่งตะบึงแบบกระทิงเปลี่ยวของราคาทองคำซึ่งดำเนินมาได้ 12 ปีนั้นได้ยุติลงแล้ว โดยที่พวกนักลงทุนกำลังหันเหออกจากการถือโลหะชนิดนี้ ซึ่งเห็นกันมาแต่ไหนแต่ไรว่าเป็นเครื่องมือการลงทุนที่เหมาะแก่การประกันความเสี่ยงเมื่อเกิดความวิตกกันว่าอัตราเงินเฟ้อจะขยับสูง

ณ เวลา 10.45 น.ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (ตรงกับ 17.45 น.เวลาเมืองไทย) ราคาทองคำที่ซื้อขายกันในแถบเอเชีย ยืนอยู่ที่ 1,391.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขยับเพิ่มขึ้นมาได้บ้างหลังจากจมดิ่งลงไปจนแตะจุดต่ำสุดที่ 1,338.00 ดอลลาร์ ในการซื้อขายช่วงหนึ่งที่นิวยอร์กเมื่อวันจันทร์ --ซึ่งเท่ากับหัวคะมำลงไป 10.9% เมื่อเทียบกับตอนปิดตลาดวันศุกร์ และถือเป็นการตกแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1983 เป็นต้นมาทีเดียว

การที่ราคาทองคำดิ่งถลาอย่างแรงเช่นนี้ นักวิเคราะห์หาเหตุผลมาอธิบายว่า เนื่องจากนักลงทุนพากันตื่นกลัวหลังจากจีนเผยแพร่ข้อมูลตัวเลขในวันจันทร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจแดนมังกรในไตรมาสแรกปีนี้ชะลอตัวลงอีก มาอยู่ที่ระดับ 7.7% ต่ำกว่าที่พยากรณ์กันไว้และบ่งชี้ให้เห็นว่าการกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจจีนในระยะหลังๆ นี้ยังคงอยู่ในภาวะอ่อนเปราะไม่มั่นคง

ข่าวนี้ยังส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เช่นกัน โดยที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิด “เบรนต์” ในทะเลเหนือ เพื่อการส่งมอบในเดือนพฤษภาคม หล่นลงมาต่ำกว่าขีด 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ทั้งนี้ จีนมีฐานะเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายยักษ์ใหญ่ เพื่อใช้ในการขับดันเศรษฐกิจอันมหึมาของตน

ทางด้าน เคลลี เตียว นักยุทธศาสตร์ตลาดของ ไอจี มาร์เก็ตส์ ในสิงคโปร์ บอกกับเอเอฟพีว่า ราคาทองวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นเวลา 12 ปีแล้ว ดังนั้นเมื่อนักลงทุนที่ถือทองอยู่มองเห็นว่าเวลานี้พวกเขาสามารถทำกำไรได้มากกว่าในตลาดเงินสด ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องเทขาย

ทั้งนี้เป็นที่คาดหมายกันว่า อัตราเงินเฟ้อจะไม่ขยับสูงอะไรแม้ในระยะยาวไกลออกไป ดังที่ตัวเลขทั้งของสหรัฐฯและของจีนก็บ่งชี้ให้เห็น ดังนั้นพวกที่ซื้อทองไว้ในฐานะเป็นเครื่องประกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ จึงมีแรงขับดันที่จะปล่อยทองออกไป

อย่างไรก็ตาม เตียวกล่าวว่า ในขณะที่ราคาทองลดต่ำลงเป็นสิ่งที่คาดการณ์กันอยู่แล้ว แต่ความรวดเร็วและขนาดของการกระหน่ำขายคราวนี้ก็ยังทำให้ทุกคนในตลาดพากันตกตะลึง และตลอดช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ ตลาดทองยังจะอยู่ในภาวะซึมเซา

นอกเหนือจากเรื่องภาวะเศรษฐกิจแดนมังกรแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ตลาดเกิดความไม่สบายใจอย่างแรง ได้แก่รายงานข่าวในสัปดาห์ที่แล้วที่ว่า ธนาคารกลางของไซปรัสกำลังมองหาทางขายทองคำสำรองที่มีอยู่ 14 ตันออกไปสักส่วนหนึ่ง เพื่อหาเงินมาใช้ช่วยการดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขข้อตกลงรับเงินกู้จากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

จอยซ์ หลิว นักวิเคราะห์การลงทุนแห่งฟิลลิป ฟิวเจอร์ส ในสิงคโปร์ บอกว่ารายงานข่าวนี้สร้างความกังวลขึ้นมาว่า พวกประเทศที่ประสบความลำบากทางการเงินรายอื่นๆ ก็อาจจะเดินตามอย่างไซปรัสก็ได้

หลิวยังกล่าวด้วยว่า ในตอนนี้พวกเทรดเดอร์น่าที่จะถอยออกมาจากการถือโลหะมีค่าชนิดนี้ ซึ่งถูกมองว่ามีความปลอดภัยเหมาะแก่การถือเอาไว้ในเวลาที่เศรษฐกิจไม่มีความแน่นอน ทว่ามาถึงตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯแสดงอาการฟื้นตัวแล้ว ส่วนวิกฤตยูโรโซนก็คลี่คลายไปได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม จูเลียน เจสซอป หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกของ แคปิตอล อีโคโนมิกส์ ในสิงคโปร์ ให้ความเห็นเอาไว้ในบทวิจารณ์ความเป็นไปของตลาดชิ้นหนึ่งว่า ราคาทองทรุดฮวบคราวนี้มีชนวนมาจาก “พวกเทรดเดอร์ที่เก็งกำไร ไม่ใช่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวหรือพวกเทรดเดอร์ที่อิงปัจจัยพื้นฐานใดๆ ทั้งสิ้น”

แต่เขาก็ชี้ด้วยว่า ราคาทองยังทรุดตัวลง เพราะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรือโลหะที่ใช้ในอุตสาหกรรม ต่างก็อยู่ในสภาพอ่อนตัว สืบเนื่องจากข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯและของจีนต่างก็ปวกเปียกลงมา เขาคาดหมายว่า ในทันทีที่ตลาดหายจากความแตกตื่น ราคาทองก็อยู่ในสภาพที่จะกระเตื้องกลับขึ้นไปได้อย่างน้อยก็บางส่วน

เมื่อเป็นเช่นนี้ นักลงทุนควรรีบกลับเข้าไปช้อนซื้อทองคำที่ถูกลงมากแล้วหรือไม่ เอมี ลี แห่งบริษัทอัญมณีและทองคำ ปัก คง จิวเวลเลอรี แอนด์ โกลด์สมิธ ในฮ่องกงบอกว่า พวกผู้ซื้อที่เคยรีบวิ่งเข้าไปซื้อทองหลังจากราคาหล่นวันแรกในวันศุกร์นั้น มาถึงวันอังคารต่างก็ใจเย็นลงมากแล้ว และหันมาเฝ้ารอให้ราคาตกลงไปอีก

ทางด้าน จิม โรเจอร์ส กูรูด้านการลงทุนที่ตั้งฐานอยู่ในสิงคโปร์ บอกว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่จะยังไม่เข้าไปซื้อทอง เพราะเห็นว่าราคายังน่าจะตกลงไปอีก

“ถ้ามันลงมาต่ำพอแล้ว ผมจึงจะเริ่มซื้ออีกครั้งหนึ่ง” โรเจอร์ส กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น