เอเจนซี/เอเอฟพี - ทองคำวานนี้ (15) ดิ่งเหวอีก 140 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนก็แห่เทขายหุ้นสหรัฐฯ และน้ำมัน หลังข้อมูลทางอันอ่อนแอเกินคาดหมายของจีนก่อความกังวลต่อแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจโลก
ราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ ขยับลงอีก 140.30 ดอลลาร์ หรือ 9.34 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 1,361.10 ดอลลาร์ ทำให้เมื่อรวมกับวันศุกร์ (12) ราคาทองคำดิ่งลงแล้วกว่า 13 เปอร์เซ็นต์
เหล่านักวิเคราะห์อ้างเหตุผลต่างๆ นานา ของการดิ่งลงอย่างฉับพลันของราคาทองคำเมื่อเร็วๆ นี้ ในนั้นรวมถึงกรณีไซปรัส เตรียมเทขายทองคำสำรองและความกังวลว่าธนาคารกลางชาติอื่นๆจะดำเนินการแบบเดียวกัน
ขณะเดียวกัน วานนี้ (15) ตลาดทองคำยังถูกซ้ำเติมจากข้อมูลทางศรษฐกิจของจีนที่พบว่าขยายตัวในช่วงไตรมาสแรกของปี 2013 แค่ร้อยละ 7.7 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้และต่ำกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัจจัยนี้ได้ก่อคำถามต่อพื้นฐานการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอย่างยิ่ง
นักวิเคราะห์ยังบอกด้วยว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำก็คือ ข่าวที่ระบุว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะกระชับมาตรการทางการเงิน ด้วยยุติโครงการผ่อนคลายทางการเงินเชิงปริมาณ(quantitative easing)
นอกจากแรงกดดันจากข้อมูลทางเศรษฐกิจจีนก่อความกังวลแก่นักลงทุนแล้ว ข่าวคราวเหตุระเบิดกลางการแข่งขันบอสตันมาราธอน ยังจุดชนวนการเทขายออกมาในช่วงท้าย เป็นผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (15) ปิดลบอย่างหนักหน่วง
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 203.35 จุด (1.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,661.71 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 28.49 จุด (1.79 เปอร์เซ็นต์)
ปิดที่ 1,560.36 จุด ส่วนแนสแดค ลดลง 70.20 จุด (2.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,224.75 จุด
ด้านราคาน้ำมันวานนี้ (15) ขยับลงแรง โดยเบรนท์ลอนดอน แตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน จากรายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของจีน ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 2.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 88.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.72 ดอลลาร์ ปิดที่ 100.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขยับเข้าใกล้ 100 ดอลลาร์ ระดับที่ไม่พบเห็นมาตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2012
