คาดตลาดหุ้นไทยเปิดทำการ 17 เม.ย. แนวโน้มร่วงตามตลาดภูมิภาค หลังเกิดเหตุระเบิดหลายครั้งกลางการแข่งขันบอสตันมาราธอน ส่งผลดาวโจนส์ปรับตัวลงอย่างหนัก ขณะที่ตัวเลข ศก.จีนที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ก็ถือเป็นแรงกดดันที่สำคัญ แต่หุ้นไทยอาจไม่ร่วงหนักเหมือนต่างประเทศ เพราะก่อนหน้านี้ปรับตัวลงไปเยอะแล้ว
นักวิเคราะห์เผยทิศทางตลาดหุ้นไทย เปิดทำการวันแรก 17 เมษายน 2556 หลังหยุดยาว คาดว่ามีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงตามตลาดตลาดเอเชียที่ปรับตัวลงเมื่อเปิดซื้อขายช่วงเช้านี้ หลังเกิดเหตุระเบิดที่เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงหนัก
“ทั้งนี้ เหตุระเบิดไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่นักลงทุนจะมีความวิตกกังวล แต่รวมถึงเศรษฐกิจของจีนในไตรมาสแรกที่โตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกขยายตัว 7.7% ต่ำกว่าที่ระดับการขยายตัวที่ 7.9% ในไตรมาสก่อนหน้านี้ และต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ที่ระดับ 8% ก่อนหน้านี้เช่นกัน”
นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจจีนล่าสุดนี้ถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อวานนี้ซึ่งยังเป็นช่วงวันหยุดสงกรานต์ของไทย พร้อมมองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยคงปรับลดตามตลาดอื่นๆ แต่เนื่องจากได้ปรับตัวลงมาบ้างแล้วก่อนหน้านี้ คิดว่าเมื่อเปิดตลาดวันพรุ่งนี้คงไม่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง
ส่วนผลกระทบจากปัญหาขัดแย้งกับกัมพูชาเรื่องเขาพระวิหาร อาจจะยังไม่มีผลขณะนี้ต่อตลาด ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของไทยก็ยังไม่มีผลกระทบต่อตลาดอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้แรงกดดันจากข้อมูลทางเศรษฐกิจจีน ก่อความกังวลแก่นักลงทุนแล้ว แต่ข่าวคราวเหตุระเบิดกลางการแข่งขันบอสตัน มาราธอน ยังจุดชนวนการเทขายออกมาในช่วงท้าย เป็นผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเมื่อวานนี้ ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบอย่างหนัก
โดยพบว่า ดาวโจนส์ลดลง 265.86 จุด หรือ -1.79 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 14,599.20 จุด แนสแดค ลบ 78.46 จุด หรือ -2.38 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 3,216.49 จุด เอสแอนด์พี ลบ 36.49 จุด หรือ -2.30 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 1,552.36 จุด
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือน พ.ค. ลดลง 2.58 ดอลลาร์ หรือ -2.83 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 88.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.72 ดอลลาร์ ปิดที่ 100.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ด้านราคาทองคำตลาดนิวยอร์กสหรัฐฯ ลดลง 140.30 ดอลลาร์ หรือ -9.34 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 1,361.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
