“เอแบคโพลล์” เผย ปชช.มองโครงการการกู้ 2 ล้านล้านบาทช่วยพัฒนาประเทศ แต่ห่วงสร้างภาระหนี้ให้ ปชช. และทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมเรียกร้องผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลางออกมาวิเคราะห์ให้ชัดเจน โดยต้องการทราบว่าต้องจ่ายเงินที่รัฐบาลไปกู้จากต่างชาติ มาเป็นเงินเท่าไรต่อเดือน ขณะที่ “นิด้าโพล” เห็นพ้องทำหนี้สาธารณะพุ่ง กังวลปัญหาฟองสบู่แตกเหมือนปี 40 ย้ำไม่เห็นรายละเอียดโครงการ และความชัดเจนในโครงการต่างๆ
น.ส.ปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่องเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ในมุมมองของประชาชน โดยพบว่าข้อดีของเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งประชาชนใหญ่ หรือร้อยละ 66.2 คิดว่าการกู้เงินครั้งนี้จะสามารถพัฒนาประเทศไปในทางที่ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะด้านการคมนาคม
ขณะที่ข้อเสียส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 70.1 ระบุว่า เป็นการสร้างภาระหนี้สินให้กับประชาชนและมีโอกาสเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นสูง ด้านความวางใจต่อความโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณระหว่างรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทย พบว่า กลุ่มตัวอย่างกว่า 1 ใน 3 หรือ ร้อยละ 38 วางใจต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทย อีกร้อยละ 29.1 วางใจต่อรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 32.9 ไม่มีความเห็น
อย่างไรก็ตาม ประชาชนกว่าร้อยละ 90 อยากเห็นนักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน ออกมาวิเคราะห์ให้ทราบว่า ต้องจ่ายเงินที่รัฐบาลไปกู้จากต่างชาติ มาเป็นเงินเท่าไรต่อเดือน เพื่อประเมินภาระหนี้
นายพิริยะ ผลพิรุฬห์ รองคณบดีวิทยาลัยนานาชาติ และอาจารย์ประจำคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า เปิดเผยผลสำรวจนิด้าโพล เกี่ยวกับความคิด เรื่อง นโยบายประชานิยมกับระบบเศรษฐกิจของประเทศ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 52.16 กังวลกับการเกิดปัญหาฟองสบู่แตกเหมือนในปี 2540 จากราคาสินทรัพย์ที่ปรับสูงขึ้นเกินความเป็นจริงที่มาจากการเก็งกำไรของนักลงทุน
นอกจากนี้ ได้ถามถึงนโนยบายของรัฐบาลที่อาจส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจประชาชนกว่าร้อยละ 39.68 กังวลในการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล ที่อาจทำให้ระดับหนี้สาธารณะของประเทศปรับตัวสูงขึ้น และยังความไม่ชัดเจนในการกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการต่างๆ รวมทั้งยังไม่มีรายละเอียดของแต่ละโครงการ ซึ่งอาจเกิดการทุจริตได้ง่าย
