ภายใต้สังคมยุคบริโภคนิยมอย่างทุกวันนี้ หลายคนอาจจะมีปัญหาเหมือนกับ รุ่นน้องของผมคนหนึ่งที่มาปรารภกับผมเมื่อเร็วๆนี้ว่า สับสนและงุนงงกับตัวเอง เพราะไม่เข้าใจว่า จู่ๆสภาวะการเงินของตัวเอง เริ่มติดๆขัดๆ และมีวี่แววว่ากำลังอยู่ในสภาพ “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งปี ทุกอย่างก็ยังดูไปได้สวยอยู่เลย
คำถามก็คือ ไอ้สภาพการเงินที่มันกำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ ที่กำลังประสบอยู่ตอนนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
คำตอบก็คือ ทั้งหมดมันไม่ได้เกิดขึ้น “ชั่วข้ามคืน” มันถูกบ่มเพาะมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว จากพฤติกรรมการใช้เงินแบบ “แย่ๆ” ของคุณ แต่คุณไม่เคยสนใจ หรือแม้แต่จะสังเกตเห็นตอนมันเริ่มต้นขึ้น
ความล้มเหลวในการจัดการด้านการเงินของแต่ละคน 80% มักจะมาจาก พฤติกรรมแย่ๆของคุณในการจัดการด้านการเงินของตัวคุณเอง ส่วนอีก 20% อาจจะมาจาก ความไม่รู้ในเรื่องราวเกี่ยวกับการเงินของตัวคุณเอง
ลองทำแบบทดสอบต่อไปนี้ดู เพื่อทำให้คุณรู้จักตัวเอง และสถานะทางการเงินของคุณ ณ ปัจจุบันว่า มันอยู่ในสภาวะใด
เลือกข้อที่ถูกต้องเกี่ยวกับตัวคุณ
o คุณกดเงินจาก เครื่องเอทีเอ็ม ไม่เกินหนึ่งถึงสองครั้งต่อสัปดาห์
o คุณมีบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด (Non-Bank) ที่ใช้งานอยู่ 1-2 ใบ
o คุณมีบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด (Non-Bank) ที่ใช้งานอยู่ 3 ใบขึ้นไป (ถ้าเลือกข้อนี้ คุณต้องเลือกข้อก่อนหน้านี้ด้วย)
o คุณกดเงินสดจากบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด (Non-Bank) มากกว่า 1 ครั้งในปีนี้
o คุณชำระเงินล่าช้า ในใบแจ้งหนี้ใดๆก็ตาม เกิน 30 วัน ภายใน 3 เดือนที่ผ่านมา
o คุณใช้จ่ายบัตรเครดิต เต็มวงเงินไปแล้วอย่างน้อย 1 ใบ
o คุณมีเงินจ่ายได้เพียงขั้นต่ำสำหรับค่าบัตรเครดิตในแต่ละเดือน
o ทุกสิ้นเดือน คุณมีเงินรวมกันทั้งหมดในบัญชีธนาคาร น้อยกว่า 30,000 บาท
o ในปีนี้ คุณเคยยืมเงินจากพ่อแม่หรือเพื่อน เพื่อเป็นค่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อไปนี้คือ เสื้อผ้า อาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าเช่าบ้าน
o คุณไม่ได้ตรวจสอบยอดเงินในสมุดเงินฝากเลย มากกว่า 3 เดือนมาแล้ว
o เจ้าหน้าที่ธนาคารหรือเจ้าหนี้ พยายามโทรหาคุณที่บ้านหรือที่ทำงาน เรื่องการชำระเงินล่าช้า
o หากคุณต้องซื้อยางรถใหม่ หรือซ่อมแอร์คอนดิชั่นในบ้าน คุณต้องหยิบยืมจากคนอื่น
o คุณยังไม่มีเงินสะสมสำหรับเกษียณ
o คุณเริ่มสะสมเงินในแผนประกันสะสมเงินแล้ว เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แต่ก็บอกไม่ได้ว่ารายละเอียดมีอะไรบ้าง
สำหรับทุกข้อที่คุณเลือก ให้คะแนน ข้อละ 2 คะแนน รวมแล้วเป็นทั้งหมดกี่คะแนน อ่านวิเคราะห์ด้านล่างนี้
0-4 คะแนน - กลุ่มก้าวหน้า
คนที่ได้คะแนนในกลุ่มนี้ ส่วนมากจะกำลังคิดว่า “ดูจากเงินที่เราหามาได้และใช้มันไป เราควรจะเก็บเงินได้มากกว่านี้นี่นา” และสภาวะจริงของคุณก็คือ คุณพอมีเงินเหลือในแต่ละเดือนหลังจากจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว แต่คุณก็ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าจะลงทุนอย่างไร
หากหาความรู้และเพิ่มเติมเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ และการบังคับตัวเองบ้าง จะทำให้คุณเก็บเงินได้อย่างเป็นระบบกว่านี้ และถ้าคุณมีวินัย ในที่สุดคุณจะได้เห็นเงินของคุณงอกเงยออกมาเป็นความมั่งคั่งได้ในไม่ช้า
6-10 คะแนน - กลุ่มนักหมุน
คนที่ได้คะแนนกลุ่มนี้ ส่วนมากคุณจะกำลังคิดว่า “เดือนนี้เราจะโอเคเหมือนเดือนก่อนมั้ยนะ หวังว่าคงไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายก็แล้วกัน” แต่สภาวะจริงของคุณเหมือนยืนอยู่ที่ขอบชะง่อนหน้าผาพอดี อีกก้าวเดียวก็อาจจะหล่นปุ๊ลงเหวได้
คุณหาเงินมาได้ในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะมากจะน้อย คุณก็มักจะใช้หมดไป แม้ว่าคุณไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ แต่คุณก็ยังเก็บเงินไม่ได้สักที ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายอะไรที่เพิ่มเติมเข้ามา ก็พร้อมที่จะสร้างหนี้สำหรับคุณได้
12-20 คะแนน - กลุ่มประสบปัญหา
คนที่ได้คะแนนกลุ่มนี้ ส่วนมากคุณจะกำลังคิดว่า “ทำยังไงดีเนี่ย ยุ่งแล้วสิเรา” สภาวะจริงก็คือ คุณเคยอยู่ในกลุ่มนักหมุนมาก่อน (อ่านกลุ่มนักหมุนด้านบนเพิ่มเติมได้) ก่อนที่จะพบกับเรื่องไม่คาดคิดเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้คุณได้ร่วงหล่นจากขอบหน้าผา ลงมาเข้าร่วมกลุ่มประสบปัญหาแล้ว
คุณอาจจะมีการชำระหนี้ล่าช้า 30-60 วัน สำหรับบัตรเครดิต หรือค่างวดบ้าน หรือ รถยนต์ และเริ่มได้รับโทรศัพท์ที่ไม่พึงประสงค์
นี่คือเวลาที่ต้องจริงจังกับหนี้ของคุณ คุณกำลังหาวิธีการรวมหนี้ หรือคิดจะกู้ยืมรูปแบบอื่น ๆ อีกเพื่อจะมาแก้ไข แต่ช้าก่อน คุณไม่สามารถจ่ายมันทั้งหมดในชั่วข้ามคืนหรอก ค่อยๆคิด ถ้าคุณแก้ไขอย่างถูกต้อง คุณจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ในที่สุด
22-28 คะแนน : กลุ่มผู้สิ้นหวัง
คนที่ได้คะแนนในกลุ่มนี้ คุณกำลังคิดถึงคำว่า “ล้มละลาย” คุณกำลังคิดจะยอมแพ้ และอาจกำลังปรึกษาเรื่องนี้กับเพื่อน หรือ สามี/ภรรยา
พวกนักทวงหนี้สุดโหดก็โทรหาคุณตลอด คุณไม่ได้จ่ายค่างวดรถหรือค่าผ่อนบ้านของคุณมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว และกำลังเครียดว่าจะโดนยึดหรือไม่ ก่อนอื่นคุณต้องนั่งลงผ่อนคลายจากความกลัวและความเครียดก่อน
ตั้งสติให้ได้เสียก่อน บอกและยอมรับกับตัวเองว่า ทั้งหมดมันเกิดจากตัวคุณ ดังนั้น ปัญหาทั้งหมดจึงต้องกลับมาแก้ไขที่ตัวคุณเอง แทนที่จะไปตีโพยตีพาย กล่าวโทษคนรอบข้างว่าเป็นต้นตอของปัญหา
สรุป
ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ข้อใดในทั้งหมดนี้ คุณยังมีหวัง ไม่ว่าคุณจะยังไม่รู้ว่าจะออมเงินอย่างไร หรือทำอย่างไรจะจ่ายหนี้ได้ ขอให้คุณมั่นใจว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ไม่มีปัญหาใดที่ไม่มีทางออก ผลจะช้าหรือเร็ว ก็อยู่ที่ตัวคุณเอง
สื่งที่คุณต้องทำก็คือ คุณต้องใส่ใจกับการเงินของคุณให้มากขึ้น และทำบันทึกว่าคุณใช้จ่ายเงินของคุณไปกับอะไรและเพื่ออะไร ถ้าจะให้ดีก็ประเมินด้วยว่าความจำเป็นของมันมีคะแนนเป็นเท่าไหร่
ในการแก้ไขปัญหาการเงินของคุณนั้น คุณต้องมีการจัดการที่ดี และต้องเข้าใจในสภาวะปัจจุบันของคุณให้ได้ก่อน
ก่อนอื่นอยากให้คุณจำหลักสำคัญเกี่ยวกับเงินไว้ข้อนึงก็คือ “เงินสามารถทำงานได้” และมันทำงานตลอดเวลาตามคำสั่งของคุณเอง
หากคุณออมเงิน หรือลงทุนเงินของคุณอย่างรอบคอบ เวลาและอัตราดอกเบี้ยจะช่วยให้มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ คุณสามารถเพิ่มเงินของคุณจาก 30,000 บาท เป็น 93,000 บาท ภายในเวลา 10 ปี ในอัตราดอกเบี้ย 12%
แต่ในทางกลับกัน หากคุณเลือกที่จะยืมเงิน หรือจ่ายเงินล่วงหน้า เช่นการใช้บัตรเครดิต เวลาและอัตราดอกเบี้ย ก็จะทำให้คุณเสียเงินไป แทนที่จะได้มา เช่นคุณใช้บัตรเครดิตซื้อของในราคา 30,000 บาท และจ่ายขั้นต่ำด้วยอัตราดอกเบี้ย 12% เท่ากับคุณต้องจ่ายทั้งหมดประมาณ 36,900 บาท
ในยุคปัจจุบัน การมีหนี้มักถูกมองเป็นเรื่องปกติ หลายคนมักใช้บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดเพื่อจ่ายอะไรบางอย่างที่ตอนนี้คุณไม่สามารถจ่ายได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนไม่ดี แต่หมายความว่าคุณกำลังควบคุมตัวเองไม่ได้
คุณต้องควบคุมการเงิน ก่อนที่มันจะควบคุมคุณ ให้เงินทำงานให้คุณ ไม่ใช่ให้มันทำการต่อต้านคุณ คุณต้องเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ลูกหนี้
คำถามก็คือ ไอ้สภาพการเงินที่มันกำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ ที่กำลังประสบอยู่ตอนนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
คำตอบก็คือ ทั้งหมดมันไม่ได้เกิดขึ้น “ชั่วข้ามคืน” มันถูกบ่มเพาะมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว จากพฤติกรรมการใช้เงินแบบ “แย่ๆ” ของคุณ แต่คุณไม่เคยสนใจ หรือแม้แต่จะสังเกตเห็นตอนมันเริ่มต้นขึ้น
ความล้มเหลวในการจัดการด้านการเงินของแต่ละคน 80% มักจะมาจาก พฤติกรรมแย่ๆของคุณในการจัดการด้านการเงินของตัวคุณเอง ส่วนอีก 20% อาจจะมาจาก ความไม่รู้ในเรื่องราวเกี่ยวกับการเงินของตัวคุณเอง
ลองทำแบบทดสอบต่อไปนี้ดู เพื่อทำให้คุณรู้จักตัวเอง และสถานะทางการเงินของคุณ ณ ปัจจุบันว่า มันอยู่ในสภาวะใด
เลือกข้อที่ถูกต้องเกี่ยวกับตัวคุณ
o คุณกดเงินจาก เครื่องเอทีเอ็ม ไม่เกินหนึ่งถึงสองครั้งต่อสัปดาห์
o คุณมีบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด (Non-Bank) ที่ใช้งานอยู่ 1-2 ใบ
o คุณมีบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด (Non-Bank) ที่ใช้งานอยู่ 3 ใบขึ้นไป (ถ้าเลือกข้อนี้ คุณต้องเลือกข้อก่อนหน้านี้ด้วย)
o คุณกดเงินสดจากบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด (Non-Bank) มากกว่า 1 ครั้งในปีนี้
o คุณชำระเงินล่าช้า ในใบแจ้งหนี้ใดๆก็ตาม เกิน 30 วัน ภายใน 3 เดือนที่ผ่านมา
o คุณใช้จ่ายบัตรเครดิต เต็มวงเงินไปแล้วอย่างน้อย 1 ใบ
o คุณมีเงินจ่ายได้เพียงขั้นต่ำสำหรับค่าบัตรเครดิตในแต่ละเดือน
o ทุกสิ้นเดือน คุณมีเงินรวมกันทั้งหมดในบัญชีธนาคาร น้อยกว่า 30,000 บาท
o ในปีนี้ คุณเคยยืมเงินจากพ่อแม่หรือเพื่อน เพื่อเป็นค่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อไปนี้คือ เสื้อผ้า อาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าเช่าบ้าน
o คุณไม่ได้ตรวจสอบยอดเงินในสมุดเงินฝากเลย มากกว่า 3 เดือนมาแล้ว
o เจ้าหน้าที่ธนาคารหรือเจ้าหนี้ พยายามโทรหาคุณที่บ้านหรือที่ทำงาน เรื่องการชำระเงินล่าช้า
o หากคุณต้องซื้อยางรถใหม่ หรือซ่อมแอร์คอนดิชั่นในบ้าน คุณต้องหยิบยืมจากคนอื่น
o คุณยังไม่มีเงินสะสมสำหรับเกษียณ
o คุณเริ่มสะสมเงินในแผนประกันสะสมเงินแล้ว เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แต่ก็บอกไม่ได้ว่ารายละเอียดมีอะไรบ้าง
สำหรับทุกข้อที่คุณเลือก ให้คะแนน ข้อละ 2 คะแนน รวมแล้วเป็นทั้งหมดกี่คะแนน อ่านวิเคราะห์ด้านล่างนี้
0-4 คะแนน - กลุ่มก้าวหน้า
คนที่ได้คะแนนในกลุ่มนี้ ส่วนมากจะกำลังคิดว่า “ดูจากเงินที่เราหามาได้และใช้มันไป เราควรจะเก็บเงินได้มากกว่านี้นี่นา” และสภาวะจริงของคุณก็คือ คุณพอมีเงินเหลือในแต่ละเดือนหลังจากจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว แต่คุณก็ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าจะลงทุนอย่างไร
หากหาความรู้และเพิ่มเติมเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ และการบังคับตัวเองบ้าง จะทำให้คุณเก็บเงินได้อย่างเป็นระบบกว่านี้ และถ้าคุณมีวินัย ในที่สุดคุณจะได้เห็นเงินของคุณงอกเงยออกมาเป็นความมั่งคั่งได้ในไม่ช้า
6-10 คะแนน - กลุ่มนักหมุน
คนที่ได้คะแนนกลุ่มนี้ ส่วนมากคุณจะกำลังคิดว่า “เดือนนี้เราจะโอเคเหมือนเดือนก่อนมั้ยนะ หวังว่าคงไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายก็แล้วกัน” แต่สภาวะจริงของคุณเหมือนยืนอยู่ที่ขอบชะง่อนหน้าผาพอดี อีกก้าวเดียวก็อาจจะหล่นปุ๊ลงเหวได้
คุณหาเงินมาได้ในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะมากจะน้อย คุณก็มักจะใช้หมดไป แม้ว่าคุณไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ แต่คุณก็ยังเก็บเงินไม่ได้สักที ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายอะไรที่เพิ่มเติมเข้ามา ก็พร้อมที่จะสร้างหนี้สำหรับคุณได้
12-20 คะแนน - กลุ่มประสบปัญหา
คนที่ได้คะแนนกลุ่มนี้ ส่วนมากคุณจะกำลังคิดว่า “ทำยังไงดีเนี่ย ยุ่งแล้วสิเรา” สภาวะจริงก็คือ คุณเคยอยู่ในกลุ่มนักหมุนมาก่อน (อ่านกลุ่มนักหมุนด้านบนเพิ่มเติมได้) ก่อนที่จะพบกับเรื่องไม่คาดคิดเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้คุณได้ร่วงหล่นจากขอบหน้าผา ลงมาเข้าร่วมกลุ่มประสบปัญหาแล้ว
คุณอาจจะมีการชำระหนี้ล่าช้า 30-60 วัน สำหรับบัตรเครดิต หรือค่างวดบ้าน หรือ รถยนต์ และเริ่มได้รับโทรศัพท์ที่ไม่พึงประสงค์
นี่คือเวลาที่ต้องจริงจังกับหนี้ของคุณ คุณกำลังหาวิธีการรวมหนี้ หรือคิดจะกู้ยืมรูปแบบอื่น ๆ อีกเพื่อจะมาแก้ไข แต่ช้าก่อน คุณไม่สามารถจ่ายมันทั้งหมดในชั่วข้ามคืนหรอก ค่อยๆคิด ถ้าคุณแก้ไขอย่างถูกต้อง คุณจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ในที่สุด
22-28 คะแนน : กลุ่มผู้สิ้นหวัง
คนที่ได้คะแนนในกลุ่มนี้ คุณกำลังคิดถึงคำว่า “ล้มละลาย” คุณกำลังคิดจะยอมแพ้ และอาจกำลังปรึกษาเรื่องนี้กับเพื่อน หรือ สามี/ภรรยา
พวกนักทวงหนี้สุดโหดก็โทรหาคุณตลอด คุณไม่ได้จ่ายค่างวดรถหรือค่าผ่อนบ้านของคุณมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว และกำลังเครียดว่าจะโดนยึดหรือไม่ ก่อนอื่นคุณต้องนั่งลงผ่อนคลายจากความกลัวและความเครียดก่อน
ตั้งสติให้ได้เสียก่อน บอกและยอมรับกับตัวเองว่า ทั้งหมดมันเกิดจากตัวคุณ ดังนั้น ปัญหาทั้งหมดจึงต้องกลับมาแก้ไขที่ตัวคุณเอง แทนที่จะไปตีโพยตีพาย กล่าวโทษคนรอบข้างว่าเป็นต้นตอของปัญหา
สรุป
ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ข้อใดในทั้งหมดนี้ คุณยังมีหวัง ไม่ว่าคุณจะยังไม่รู้ว่าจะออมเงินอย่างไร หรือทำอย่างไรจะจ่ายหนี้ได้ ขอให้คุณมั่นใจว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ไม่มีปัญหาใดที่ไม่มีทางออก ผลจะช้าหรือเร็ว ก็อยู่ที่ตัวคุณเอง
สื่งที่คุณต้องทำก็คือ คุณต้องใส่ใจกับการเงินของคุณให้มากขึ้น และทำบันทึกว่าคุณใช้จ่ายเงินของคุณไปกับอะไรและเพื่ออะไร ถ้าจะให้ดีก็ประเมินด้วยว่าความจำเป็นของมันมีคะแนนเป็นเท่าไหร่
ในการแก้ไขปัญหาการเงินของคุณนั้น คุณต้องมีการจัดการที่ดี และต้องเข้าใจในสภาวะปัจจุบันของคุณให้ได้ก่อน
ก่อนอื่นอยากให้คุณจำหลักสำคัญเกี่ยวกับเงินไว้ข้อนึงก็คือ “เงินสามารถทำงานได้” และมันทำงานตลอดเวลาตามคำสั่งของคุณเอง
หากคุณออมเงิน หรือลงทุนเงินของคุณอย่างรอบคอบ เวลาและอัตราดอกเบี้ยจะช่วยให้มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ คุณสามารถเพิ่มเงินของคุณจาก 30,000 บาท เป็น 93,000 บาท ภายในเวลา 10 ปี ในอัตราดอกเบี้ย 12%
แต่ในทางกลับกัน หากคุณเลือกที่จะยืมเงิน หรือจ่ายเงินล่วงหน้า เช่นการใช้บัตรเครดิต เวลาและอัตราดอกเบี้ย ก็จะทำให้คุณเสียเงินไป แทนที่จะได้มา เช่นคุณใช้บัตรเครดิตซื้อของในราคา 30,000 บาท และจ่ายขั้นต่ำด้วยอัตราดอกเบี้ย 12% เท่ากับคุณต้องจ่ายทั้งหมดประมาณ 36,900 บาท
ในยุคปัจจุบัน การมีหนี้มักถูกมองเป็นเรื่องปกติ หลายคนมักใช้บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดเพื่อจ่ายอะไรบางอย่างที่ตอนนี้คุณไม่สามารถจ่ายได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนไม่ดี แต่หมายความว่าคุณกำลังควบคุมตัวเองไม่ได้
คุณต้องควบคุมการเงิน ก่อนที่มันจะควบคุมคุณ ให้เงินทำงานให้คุณ ไม่ใช่ให้มันทำการต่อต้านคุณ คุณต้องเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ลูกหนี้