อีกหนึ่งเหตุการณ์ครั้งสำคัญของการสูญเสียของคนหาดใหญ่ จ.สงขลา 31 มี.ค.55 บึ้ม! ดังสนั่นหวั่นไหวกลางเมืองหาดใหญ่ ท่ามกลางความงงงวยของคนที่อยู่แถวนั้น เพิ่งมารู้อีกที หลังเหตุการณ์สงบว่ามันคือ “คาร์บอมบ์” ที่ชั้นจอดรถใต้คิดของศูนย์การค้า ลีการ์เดนส์ พลาซ่า หรือโรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า แรงระเบิดส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ยังคงมีเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่รอดชีวิตมาได้ แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น เพราะมีสภาพร่างกายเป็นคนพิการจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ คอลัมน์ “สัมภาษณ์พิเศษ” ของ ASTVผู้จัดการภาคใต้ ได้นำเสนอเรื่องราวของชีวิตของ “แนน สุนันทา เดชส่ง” หนึ่งในเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไปแล้วนั้น หลังจากได้ไปคุยกับ สุนันทา ก็ได้รู้ว่ายังมีอีกหนึ่งคนที่ได้รับบาดเจ็บกว่า สุนันทา หลายเท่านัก เธอโดนไฟคลอกทั้งตัว จนถึงตอนนี้ยังคงเข้ารับการผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง และต้องไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
ASTVผู้จัดการภาคใต้ จึงถือโอกาสนี้เดินทางไปสัมภาษณ์ และอยากให้ผู้อ่านได้รู้จักกับ น.ส.สุกัญญา บุญพร้อม หรือกาญ สาวสวยจากเมืองย่าโม จ.นครราชสีมา มาหางานทำที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จนต้องประสบกับชะตากรรมที่คาดไม่ถึง ทำให้เธอต้องกลายเป็นคนพิการ เราไปหาเธอที่ห้องกิจกรรมบำบัด ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ภาคใต้ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หรือ ม.อ.หาดใหญ่
โดยหลังจากที่โดนระเบิด น.ส.สุกัญญา หรือกาญ ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์เป็นเวลาประมาณ 5 เดือน และเมื่อออกมาจากโรงพยาบาลแล้วก็ต้องมาทำกายภาพบำบัด ที่ห้องกิจกรรมบำบัด ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ภาคใต้ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ ทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-11.00 น.
น.ส.สุกัญญา บุญพร้อม หรือกาญ อายุ 30 ปี เดิมเป็นคน จ.นครราชสีมา พ่อแม่เสียชีวิตแล้ว เดินทางมาทำงานที่หาดใหญ่กับเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้า ในศูนย์การค้าลีการ์เดนส์ พลาซ่า หาดใหญ่ และได้มาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อน และน้องชายของเพื่อนอีกหนึ่งคน
ย้อนกลับไปตอนเกิดเหตุระเบิดเมื่อปีที่แล้ว?
ตอนนั้นทำงานขายเสื้อผ้า ที่ชั้น B1 ของศูนย์การค้า ลี การ์เดนส์ พล่าซ่า หาดใหญ่ ซึ่งร้านเพิ่งย้ายมาอยู่ตรงบันไดเลื่อนเมื่อไม่นาน เพราะตรงที่ตั้งร้านเดิมเขาจะทำเป็นร้านเกม เลยต้องย้ายไปชั่วคราว วันนั้นเดินไปทำธุระที่ร้านโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้ๆ กัน เพราะเครื่องมีปัญหา ซึ่งปกติจะนำเครื่องไปทิ้งไว้ที่ร้าน แล้วจะกลับมารอที่ร้านของตัวเอง แต่พอดีวันนั้นไม่มีใครอยู่ เลยต้องรออยู่ที่ร้านโทรศัพท์ หลังจากนั้นไม่ถึง 15 นาที ก็มีเสียงดังขึ้นมา ด้วยความที่ตัวเองตกใจ เลยหันหลังไปทางนั้นพอดี ไฟเลยโดนที่หลังเต็มๆ ณ ตรงนั้นตัวเองโดนไฟเผาคนเดียว คนอื่นๆ ก็โดน แต่โดนไม่เยอะ รู้สึกร้อนมาก เดินไปหาเพื่อน เพื่อนตกใจก็พากันกรีดร้อง แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือเลย
จึงเดินออกไปนอกห้างฯ ตะโกนให้คนมาช่วย เพราะตอนนั้นไม่ไหวแล้ว สภาพตัวเองในตอนนั้นน่ากลัวมาก ตัวไหม้เป็นสีดำหมดเลย เสื้อผ้าขาดหมด ไม่เหลือชิ้นดี เจอพี่คนหนึ่งจึงตะโกนบอกให้มาช่วย เขาบอกให้รอก่อน จะเดินไปเอารถ เลยไปนั่งรอที่ร้านขายของชำ แล้วพี่คนนั้นก็มารับไปโรงพยาบาล ตอนแรกเขาพาไปโรงพยาบาลหาดใหญ่ แต่คนเต็ม เลยพาไป ม.อ. (โรงพยาบาลสงขลานครินทร์) แทน
ความรู้สึกตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?
ความรู้สึกตอนนั้นอึ้งมาก ตกใจ แต่น้ำตาไม่ไหลเลยนะ ไม่คิดว่าจะรุนแรงถึงขนาดนี้ คิดว่าแค่แก๊สระเบิดเฉยๆ ก็ไม่คิดเลยว่าเป็นการวางระเบิด
ตอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นอย่างไรบ้าง?
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ ได้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลาประมาณ 5 เดือน แล้วก็ออกจากโรงพยาบาล แต่หมอบอกว่าจริงๆ แล้วต้องอยู่รักษาตัวอีก เพราะยังไม่หายดี แผลที่โดนระเบิดเป็นแผลสด และแผลติดเชื้อด้วย ถ้าอยู่โรงพยาบาลต่อไปก็ต้องมีคนมาช่วยดูแล สภาพในตอนนั้นกินอะไรไม่ได้เลย ก็มีเพื่อนที่คอยมาดูแลบ้าง ตอนนี้ก็อยู่บ้านเช่า กับน้องชายของเพื่อน 2 คน จ่ายค่าเช่าบ้านกันคนละครึ่ง เพราะหลังจากเกิดเหตุระเบิด เพื่อนก็ขึ้นไปทำงานที่กรุงเทพฯ แต่น้องชายก็ยังอยู่ที่หาดใหญ่ เขาจะเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย น้องชายเพื่อนก็จะคอยมาช่วยดูแล รู้จักกันมานานแล้ว เพราะเราก็เคยเลี้ยงดูเขาตั้งแต่เขายังเล็กๆ
ความรู้สึกตอนนั้นหลังจากที่โดนเหตุระเบิดไปแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง? กำลังใจส่วนใหญ่มาจากไหน?
รับไม่ได้กับสภาพตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองน่าเกลียดมาก ทำไมคนอื่นๆ เขาโดน แต่โดนไม่หนักเหมือนเรา ทำไมเราโดนหนักอยู่คนเดียว และตอนเดินอยู่ที่โรงพยาบาล คนอื่นๆ เห็น เขาก็สงสาร ยื่นเงินมาให้บ้าง บอกว่าเอาไว้เป็นค่ารักษาพยาบาล ทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจว่า “เราน่าสงสารขนาดนั้นเลยหรอ?”
สภาพจิตใจในตอนนั้นย่ำแย่มาก เคยคิดจะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ กำลังใจส่วนใหญ่มาจากคนรอบข้าง มาจากเพื่อนมากที่สุด เพื่อนก็จะเข้ามาเยี่ยมทุกวัน แฟนก็เข้ามาดูแลอยู่ระยะหนึ่ง แต่พอใกล้ออกจากโรงพยาบาล เขาก็มาบอกว่า พ่อแม่ไม่ให้คบกับเราแล้ว ก็ไม่รู้สาเหตุว่าทำไม เขาบอกว่าพ่อแม่เขาให้ไปบวช แฟนก็เลยลาไปบวช แต่เขาก็ยังโทร.มาให้กำลังใจอยู่
หลังออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว ก็กลับมาอยู่ที่บ้าน ต้องอยู่คนเดียว เพราะคนอื่นก็ไปทำงานกันหมด เลยทำให้ตัวเองคิดมาก อีกทั้งต้องเทียวไปเทียวมาโรงพยาบาลอีก ก็รู้สึกท้อ รู้สึกเหนื่อย อยากออกไปทำงานเหมือนคนอื่นๆ บ้าง แต่เพื่อนก็บอกว่า ดูแลตัวเองให้หายดีก่อน เพราะแขนทำอะไรไม่ได้เลย มือจะงอก็ไม่ได้ จะกำก็ไม่ได้ ตอนนี้มือข้างซ้ายข้างเดียวที่ใช้งานได้ ทั้งรู้สึกน้อยใจ และท้อแท้ในชีวิตตัวเองมาก
มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือบ้าง?
ตอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ช่วยเหลือเยียวยาให้ค่ารักษาพยาบาลมา 50,000 บาท และเมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ให้มาอีก 30,000 บาท หลังจากนั้นก็เงียบไป จนต้องไปเดินเรื่องขอความช่วยเหลือด้วยตัวเอง ตอนนี้ได้เดินเรื่องขอความช่วยเหลือในเรื่องการทำมาหากิน ซึ่งทางศูนย์เยียวยาบอกว่า กำลังเดินเรื่องให้ แต่อยู่ที่ ศอ.บต.ว่าจะอนุมัติไหม? ถ้าเขาอนุมัติให้ ก็ดีใจ เพราะจะได้เอาเงินส่วนนี้ไปทำงาน จะได้มีรายได้เป็นของตัวเองบ้าง แต่ตอนนี้เขาก็เงียบ อีกทั้งเขายังบอกอีกว่า เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วเขาจะไปเยี่ยมที่บ้าน แต่ก็ไม่เห็นมีใครเคยไปเยี่ยมเลยสักคน
ตอนนี้ก็ใช้บัตรประกันสุขภาพ (บัตร 30 บาท) และบัตรประจำตัวคนพิการ ในการรักษาตัว เวลาไปโรงพยาบาล ค่ารักษาพยาบาลก็ออกไม่เยอะแล้ว เหลือแค่ค่าใช้จ่ายประจำวันเท่านั้นเอง และค่าเดินทางไปกลับโรงพยาบาล เพราะเวลาเดินทางไปแต่ละครั้งต้องนั่งรถแท็กซี่ไปทุกครั้ง เพราะแผลจะโดนแดดไม่ได้เลย ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ซึ่งค่ารถไปกลับก็ประมาณ 300 บาท และยังมีค่ากินอีก 100 บาท ก็ลำบาก เพราะตัวเองทำงานไม่ได้ เงินที่มีอยู่ก็มีไม่มากแล้ว
ถ้าหายเป็นปกติคิดอยากจะทำอะไรในอนาคต?
อยากขายเสื้อผ้าเหมือนเดิม คิดว่าจะขึ้นไปทำงานที่กรุงเทพฯ ไปทำงานกับเพื่อน เพราะเพื่อนบอกว่ารายได้จะดีกว่าทำงานที่นี่ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่หายเป็นปกติ ยังคงต้องมาทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลอีก ซึ่งหมอจะทำกายภาพบำบัดแขนทั้ง 2 ข้าง ยืดเข้ายืดออก เพื่อให้มันใช้การได้ให้เร็วที่สุด
อยากให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ให้การช่วยเหลืออย่างไรบ้าง?
อยากให้ช่วยเหลือในเรื่องของการประกอบอาชีพ อยากมีรายได้ อยากเปิดร้านเสื้อผ้าขายเหมือนเดิม โดยที่ไม่ต้องเดินเรื่องเอง เพราะตอนนี้จะเดินก็ไม่สะดวก โดนแดด โดนฝนก็ไม่ได้ เพราะชีวิตในตอนนี้ลำบากมาก มันไม่ยุติธรรม ถ้าไม่มาโดนแบบนี้ก็สามารถทำมาหากินได้มากกว่านี้ ที่เป็นทุกวันนี้เขาจะรู้ไหมว่าเราลำบาก ต้องจ่ายทั้งค่าเสื้อผ้า ของใช้ประจำวัน และค่าเดินทางไปโรงพยาบาลอีก ก็อยากให้เห็นใจกันบ้าง...
ล่าสุด สุกัญญา เพิ่งเข้าทำการผ่าตัดแผลอีกครั้ง และหมอบอกว่าต้องผ่าอีกประมาณ 5 ครั้ง และก็ยังต้องมาทำกายภาพบำบัดที่ห้องกิจกรรมบำบัด ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ภาคใต้ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หรือ ม.อ.หาดใหญ่ ทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-11.00 น. ซึ่งในการมาทำแต่ละครั้งก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และการเดินเรื่องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ยังไม่มีทีท่าที่จะดำเนินการให้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือ รวมทั้งผู้ใจบุญที่อยากจะช่วยเหลือสามารถติดต่อ สุกัญญาได้โดยตรง ที่เบอร์ 08-9658-7427 หรือผ่านทาง ศูนย์ข่าว “ASTVผู้จัดการภาคใต้” โทร. 0-7420-1236
ขณะที่ทาง “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ได้ติดต่อไปยังศูนย์เยียวยาจังหวัดสงขลา เรื่องการช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อระเบิดลีการ์เดนส์ ว่ามีการดำเนินการช่วยเหลืออย่างไรบ้าง น.ส.ดวงเนตร เอียดสุข ปลัดอำเภอเมืองสงขลา (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการเยียวยา จ.สงขลา กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ของ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2555 ในเหตุการณ์ระเบิดศูนย์การค้าลีการ์เดนส์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับผลกระทบสูงมาก ทั้งในส่วนของด้านเศรษฐกิจ และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ซึ่งมีชาวต่างชาติเสียชีวิตด้วยถึง 2 คนนั้น
ซึ่งในส่วนของศูนย์เยียวยา จ.สงขลา เราอยู่ในความดูแลของ ศอ.บต. เราก็ยังใช้ตามมติของคณะรัฐมนตรีเดิม คือ มติ ครม. เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2548 และแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อ วันที่ 14 ส.ค.2555 ก่อนหน้าที่เหตุการณ์ลีการ์เดนส์ เราใช้มติตาม ครม. เมื่อ วันที่ 31 พ.ค.2548 ก็มีการจ่ายเงินให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบกับผู้ที่เสียชีวิตที่เป็นประชาชนทั่วไป 100,000 บาท กรณีผู้พิการ 80,000 บาท แต่หลังจาก มติ ครม.ออกมามีนโยบายในการช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบย้อนหลัง จำนวนงบประมาณ 2,000 ล้านบาท ที่ลงมาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หาดใหญ่ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา
ก็มีการที่จะช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมในกรณีเสียชีวิตเป็น 500,000 บาท และกรณีพิการเป็น 500,000 บาทเช่นกัน แต่จำนวนเงินเหล่านี้เราได้ขอทำเรื่องทยอยจ่ายให้ผู้ได้รับผลกระทบเป็นปีๆ เป็นงวดๆ ไป ซึ่งก็ได้ชี้แจงให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบได้ทราบ สำหรับหน่วยงานอื่น ก็เป็นไปตาม พ.ร.บ.ของแต่ละหน่วยงานในการให้ความช่วยเหลือ อย่างเช่น พัฒนาสังคมฯ ให้การช่วยเหลือในกรณีที่พิการ หรือบาดเจ็บสาหัสที่ต้องรักษาตัวต่อเนื่อง เป็นเงินจำนวน 200,000 บาท เช่นกัน
หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการเยียวยา จ.สงขลา กล่าวต่อว่า สำหรับเคสของน้องแนน สุนันทา เดชส่ง เป็นเคสที่น้องได้รับผลกระทบถึงขั้นที่มือไม่สามารถใช้การได้ในขณะนี้ และทางโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หรือ ม.อ.หาดใหญ่ ได้รับน้องแนนเข้าไปเป็นคนไข้ภายใน เพราะว่าของน้องแนนต้องใช้หนังเทียมในการที่จะมาศัลยกรรม ซึ่งราคาหนังเทียมจะมีราคาค่อนข้างสูง และภาระค่าใช้จ่ายตรงนั้นน้องไม่สามารถที่จะรับได้ เพราะตอนนี้น้องไม่มีรายได้ ทาง ม.อ.หาดใหญ่เลยรับเป็นคนไข้ ดูแลในเรื่องของการผ่าตัด และใส่หนังเทียมให้ ก็ต้องขอบคุณโรงพยาบาล ม.อ.หาดใหญ่ที่ใส่ใจและดูแลผู้ป่วย ซึ่งเขาเป็นผู้ป่วยที่สมควรได้รับความช่วยเหลือเหมือนกับผู้ป่วยอื่นๆ ถึงแม้ค่าใช้จ่ายจะสูงแต่ ม.อ.ก็เต็มใจจะช่วย
“ส่วนในเรื่องของอาชีพ ตอนนี้ทราบว่าน้องไม่ได้ทำงาน และต้องมีภาระที่ต้องรับผิดชอบเรื่องครอบครัว ซึ่งเรื่องนี้ทาง ศอ.บต. และศูนย์ปฏิบัติการเยียวยาสงขลา ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงที่จะพยายามขอในเรื่องของงบประมาณที่จะมาช่วยเหลือในเรื่องของอาชีพ เพียงแต่ว่าเราต้องคุยกับผู้ได้รับผลกระทบก่อน ว่าน้องแนนสามารถทำอะไรได้บ้างหลังจากนี้ เนื่องจากว่าตอนนี้น้องแนนยังคงต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล การที่จะไปทำอาชีพอะไรในตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะทำอะไรได้แน่นอน เพราะฉะนั้น ต้องรอให้น้องผ่าตัดเสร็จ หรือเสร็จสิ้นการรักษาของหมอ และดูอาการว่าสิ่งที่น้องอยากทำ สิ่งที่น้องอยากได้เพื่อที่จะไปทำให้เขาสามารถที่จะมีงานทำเลี้ยงดูตัวเอง และเลี้ยงดูครอบครัวได้ ควรจะเป็นอาชีพอะไร ต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ ทาง ศอ.บต. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาฯ ศอ.บต.ไม่ทิ้งผู้ได้รับผลกระทบแน่นอน”
สำหรับเคสที่ยังต้องให้ความช่วยเหลือต่อเนื่องจากเหตุการณ์ลีการ์เดนส์ ก็มีหลายเคสด้วยกัน อย่างเช่น เคสที่เกิดขึ้นพร้อมกับน้องแนน ก็คือ น้องกาญ สุกัญญา บุญพร้อม ก็จะเป็นแผลไฟไหม้ทั้งตัวเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ยังไม่เสร็จสิ้นการรักษา เนื่องจากยังมีแผลยึดติด และเป็นแผลไฟไหม้ที่ยังต้องทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเคสนี้ก็เหมือนกันเราต้องรอว่าให้น้องเขามีความพร้อมมากกว่านี้ แต่ทางด้านของ น้องสุกัญญา ได้เสนอความเห็นมาแล้วว่า อยากจะทำธุรกิจขายเสื้อผ้าต่อ เพราะว่าเขามีความถนัดในเรื่องของการขายเสื้อผ้า ซึ่งอาจจะต้องใช้เงินลงทุนสักก้อนหนึ่ง ซึ่งทาง ศอ.บต.ก็กำลังหารือเพื่อที่จะหางบประมาณในส่วนนี้มาดูแลผู้ได้รับผลกระทบกรณีส่งเสริมอาชีพอยู่ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการเยียวยา จ.สงขลา กล่าว
อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือเยียวยาจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดสงขลา ที่บอกว่า ทาง ศอ.บต.เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่วันเวลาผ่านไปจนเกือบปีแล้ว ถึงแม้ผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 2 คน จะยังไม่สามารถประกอบอาชีพได้ แต่ในเรื่องของการรักษา ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทั้งคู่ ต้องพยายามใช้เงินที่เหลืออยู่อย่างประหยัดที่สุด จะหวังเงินช่วยเหลือในส่วนที่เหลือก็ไม่รู้ว่าจะได้รับเมื่อไหร่ ในขณะที่ต้องเข้าทำการผ่าตัด ก็ต้องมีค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติม แต่ทั้งคู่ก็ยังคงมีความหวังเล็กๆ ว่า ศูนย์เยียวยาฯ จะไม่ทิ้งพวกเขา
เวปข่าวที่เกี่ยวข้อง "เปิดชีวิต “แนน” เด็กสาวเหยื่อระเบิด “ลีการ์เดนส์” ฝันร้ายที่ไม่อาจลืม"