กลุ่มทุนเจ้าของ “ศูนย์การค้าอยุธยาพาร์ค” ฉวยจังหวะกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเขตนิคมฯ ทุ่มทุนกว่า 1,000 ล้านบาท รีแบรนด์ และปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่ เพิ่มพื้นที่ขายเพื่อรองรับความต้องการของร้านค้าเพิ่มขึ้น ตั้งเป้าเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์และการพักผ่อนของภาคกลางตอนบน หวังเติบโตขึ้นอีก 20%
นางปราณี ด่านชัยวิโรจน์ กรรมการอำนวยการ ผู้บริหารศูนย์การค้าอยุธยาพาร์ค ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดดำเนินการมากว่า 15 ปี มีพื้นที่ให้บริการทั้งสิ้น 105,000 ตารางเมตร เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยาถือเป็นจังหวัดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพในการพัฒนาสูง เมื่อมองจากผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (Gross Provincial Product : GPP) พระนครศรีอยุธยามีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ
กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดนี้ รวมถึงจังหวัดโดยรอบเป็นกลุ่มประชากรที่มีรายได้ที่สูงกว่าที่อื่นโดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างชาติ นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งมีอยู่ถึง 5 นิคมฯ คือ บางปะอิน ไฮเทค โรจนะ สหรัตนนคร แฟคตอรี่แลนด์ แต่ละนิคมฯ มีการขยายตัวตลอดเวลา การขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นอาคารชุด โดยเฉพาะที่เพิ่งเปิดโครงการใหม่และมีชาวญี่ปุ่นจับจองแล้วกว่า 500 ยูนิต อาคารพาณิชย์ หมู่บ้านจัดสรร อาคารสำนักงานต่างๆ เพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา
รวมทั้งการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัด การพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมในอนาคต ทางด่วนมอเตอร์เวย์ 3 สาย คือ อยุธยา-นครราชสีมา, อยุธยา-นครสวรรค์ และอยุธยา-วงแหวนรอบนอก รวมทั้งส่วนต่อขยายโทลล์เวย์ ช่วงรังสิต-อยุธยา การเป็นสถานีจอดรถไฟความเร็งสูง
นอกจากนั้น การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีศักยภาพพร้อมที่จะขยายการลงทุน รวมทั้งการได้ศึกษาวิจัยความต้องการของคนอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียงถึงความต้องการในเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น
จากศักยภาพการเจริญเติบโตและปัจจัยบวกต่างๆ เหล่านี้ ส่งผลให้เกิดกำลังซื้อของผู้บริโภคในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพิ่มมากขึ้นอีกมหาศาล และโดยเฉพาะสถานที่ตั้งของเราอยู่ติดกับศูนย์ราชการยิ่งทำให้ผู้มาใช้บริการมากขึ้นโดยอัตโนมัติ พื้นที่ให้บริการปัจจุบันของเรา 105,000 ตารางเมตรเริ่มไม่เพียงพอต่อการให้บริการลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันมีร้าน Brand Name อีกจำนวนมากที่ต้องการจะมาเปิดบริการในศูนย์การค้าของเรา แต่เราไม่มีพื้นที่ว่างที่จะจัดสรรให้ได้
นางปราณีกล่าวว่า บริษัทฯ จึงวางแผนงานขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยใช้งบประมาณอีกกว่า 1,000 ล้านบาทในการขยายพื้นที่ และปรับโฉมหน้าใหม่ให้ดูทันสมัยเพิ่มมากขึ้น เรียกได้ว่าปฏิวัติใหม่หมดทั้งห้างฯ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็นอยุธยาซิตี้พาร์ค คาดหวังหลังจากปรับเสร็จจะเติบโต 20%
นายวีระพงษ์ ปดิฐพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอนทัวร์ จำกัด ในฐานะบริษัทสถาปนิกผู้ออกแบบปรับโฉมอยุธยาพาร์คเป็นอยุธยาซิตี้พาร์ค กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการปรับโฉมศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์คในครั้งนี้ว่า โครงการนี้เริ่มทำงานตั้งแต่มีนาคม 2555 ด้วยการศึกษาและวิเคราะห์ร่วมกันระหว่างคอนทัวร์ กับทีมงานอยุธยาพาร์ค ให้อยุธยาซิตี้พาร์คเป็นมากกว่า “ประตูสู่ภาคเหนือ” และยกระดับศักยภาพสู่การเป็น “ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์และการพักผ่อนของภาคกลางตอนบน”
โดยแนวคิดในการออกแบบระหว่าง Close mall กับ Open mall ซึ่งเป็นรูปแบบศูนย์การค้าขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของประเทศ องค์ประกอบด้านโครงสร้างสามารถรองรับการใช้งานของคนทั้งจังหวัดได้
นายสมพล รัชตพิมลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า อยุธยาพาร์คมีพันธมิตร เช่น Tesco Lotus, Robinson Department Store โรงภาพยนตร์ที่ทันสมัย 4 โรง, IT Park ศูนย์รวมโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์, International Fast Food ชั้นนำ, Mc Donald, KFC, MK, Oishi, Shabushi ฯลฯ รวมทั้งร้านค้ากว่า 400 ร้านค้า มีผู้ใช้บริการต่อวันมากถึง 80,000 คน ยังมี Convention Hall พื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร พื้นที่ให้บริการทั้งโครงการเพิ่มเป็น 145,000 ตารางเมตร พร้อมที่จอดรถได้มากกว่า 2,500 คัน กำหนดการเปิดดำเนินการเดือนมีนาคม 2557