xs
xsm
sm
md
lg

บ้านปูเบนเข็มรุกธุรกิจไฟฟ้าเพิ่ม ผลเสี่ยงราคาถ่านหินผันผวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชนินท์ ว่องกุศลกิจ
ASTVผู้จัดการรายวัน - บ้านปูมองหาโอกาสรุกธุรกิจไฟฟ้าทั้งไทยและต่างประเทศมากขึ้น หลังกำไรวูบหนักจากราคาถ่านหินที่ผันผวน ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกำไรจากไฟฟ้าเป็น 30-40% จากปัจจุบัน 20% เล็งตั้งโรงไฟฟ้าพลังลมและแสงอาทิตย์ในไทย ส่วนอินโดฯ สนใจทั้งซื้อกิจการและตั้งโรงไฟฟ้าใหม่ รวมทั้งเล็งซื้อเหมืองถ่านหินเพิ่มเติม โดยสามารถหาแหล่งเงินทุนกู้เพิ่มได้อีก 1 พันล้านเหรียญ

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ผันผวนในช่วงนี้ ทำให้บริษัทฯมองหาโอกาสที่จะลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าในไทยและต่างประเทศมากขึ้นนอกเหนือจากปัจจุบันที่ดำเนินการอยู่ คือ โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี โรงไฟฟ้า 3 แห่งในจีน และล่าสุดที่กำลังพัฒนาโรงไฟฟ้าหงสาในลาว เนื่องจากประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น แต่มีข้อจำกัดด้านแหล่งพลังงาน โดยบริษัทฯมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนเพียง 20% ของกำไร ซึ่งจะลดความผันผวนของรายได้หลักที่มาจากธุรกิจถ่านหิน

โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้หยุดการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ เว้นแต่เดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าหงสาเท่านั้น นับจากนี้ไปบริษัทมีเป้าหมายรุกธุรกิจไฟฟ้าในประเทศที่บ้านปูดำเนินธุรกิจอยู่แล้วทั้งลาว อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย มองโกเลีย จีนและไทย

สำหรับการลงทุนในไทย หากรัฐมีเปิดโครงการรับซื้อไฟฟ้าถ่านหินจากภาคเอกชน บริษัทฯ ก็มีความสนใจที่จะลงทุน แต่เบื้องต้นอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่มาจากพลังลมและแสงอาทิตย์ โดยจะเข้าไปร่วมทุนกับผู้ที่มีใบอนุญาตดำเนินการซื้อขายไฟฟ้าอยู่แล้ว โดยโรงไฟฟ้าพลังลมกำลังทดสอบความแรงลมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางอยู่ คงมีความชัดเจนใน 2 ปีข้างหน้า รวมทั้งได้จับมือกับกลุ่มมิตรผลในการรุกธุรกิจเอทานอล โดยเบื้องต้นดำเนินธุรกิจปลูกมันสำปะหลังเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบทำเอทานอลในอนาคต

ส่วนการรุกธุรกิจไฟฟ้าในต่างประเทศนั้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนโรงไฟฟ้าที่ผลิตเชิงพาณิชย์อยู่แล้ว รวมทั้งตั้งโรงไฟฟ้าใหม่ในอินโดนีเซียด้วยเนื่องจากเห็นว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในอินโดนีเซียยังสูงอยู่

ความคืบหน้าโรงไฟฟ้าหงสาที่ สปป.ลาวนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าไปกว่า 40% แล้ว ถือว่าเร็วกว่าแผนที่คาดไว้ ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2558-59 ส่วนโรงไฟฟ้าในจีนก็มีการขยายกำลังการผลิตจากโรงเดิมประมาณ 20-30 เมกะวัตต์ โดยบ้านปูไม่ต้องใส่เงินลงทุนเพิ่มเติม ทั้งนี้บริษัทฯวางแผนพัฒนาธุรกิจในจีนและมองโกเลีย ทั้งเหมืองถ่านหินและธุรกิจไฟฟ้าให้เป็น cluster ที่สามารถทำกำไรได้ดีขึ้น

นายชนินท์กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ยังหาโอกาสที่จะซื้อกิจการเหมืองถ่านหินเพิ่มเติมในอินโดนีเซียตามเส้นทางที่บริษัทที่ได้ลงทุนระบบสาธารณูปโภคไปแล้ว เช่น ถนน ท่าเรือ เป็นต้น เพื่อให้เกิดการใช้ระบบสาธารณูปโภคให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง โดยขนาดการลงทุนเหมืองถ่านหินคงไม่ใหญ่มาก บริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการลงทุน

งบลงทุนตามแผนงานในปี 2555-58 ตั้งไว้ที่ 1,248 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซียและออสเตรเลีย และจะใส่เงินเพิ่มทุนในโรงไฟฟ้าหงสาอีก 378 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทฯ มีขีดความสามารถในการก่อหนี้เพิ่มเพื่อลงทุนเพิ่มนอกเหนือจากงบลงทุนที่ตั้งไว้อีก 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อรักษาอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับไม่เกิน 1.1 เท่า ซึ่งมองว่าเพียงพอที่จะลงทุนโครงการใหม่ๆ ทั้งซื้อธุรกิจเหมืองถ่านหิน และไฟฟ้า

สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ทรงตัวจากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 1.1 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิคงไม่สูงกว่าปีที่แล้ว หรืออาจจะลดลง แม้ว่าปริมาณการผลิตและจำหน่ายถ่านหินในปีนี้จะเพิ่มขึ้น และบริษัทลดต้นทุนการผลิตในเหมืองที่อินโดนีเซียและออสเตรเลียก็ตาม เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยถ่านหินในปีนี้ต่ำกว่าปีก่อน แต่ประเมินว่าราคาถ่านหินโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทยังใช้โอกาสที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำในการจัดโครงสร้างการเงินและปรับกลยุทธด้านเงินทุนให้เหมาะสม รวมถึงการซื้อหุ้นคืนในช่วงที่ราคาหุ้นลดต่ำลง โดยจะดำเนินการยืดระยะเวลาการชำระหนี้จากเฉลี่ย 6 ปีเป็นเกินกว่า 6 ปี และเพิ่มสัดส่วนหนี้สกุลดอลลาร์ เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้และทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศอิงดอลลาร์สหรัฐ

โดยแต่ละปีบริษัทฯ จะมีหนี้ครบกำหนดชำระปีละ 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเงินกู้บาทที่ครบกำหนดชำระก็จะทดแทนเป็นเงินกู้ดอลลาร์สหรัฐแทน

ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการผลิตถ่านหินไว้ที่ 48 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.2 ล้านตัน โดยมาจากแหล่งอินโดนีเซีย 29 ล้านตัน ออสเตรเลีย 15 ล้านตันและจีนอีก 3 ล้านตัน โดยปริมาณการผลิตถ่านหินที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากเหมืองบารินโตในอินโดนีเซีย และเหมืองเกาเหอในจีน ส่วนเหมืองซานต์อูลที่ประเทศมองโกเลีย มีแผนจะเริ่มผลิตถ่านหินในปีหน้า และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการจำหน่ายถ่านหินให้กับอุตสาหกรรมผลิตเคมีจากถ่านหินในประเทศจีนด้วย ทำให้ในปี 2557 ปริมาณการผลิตถ่านหินอยู่ที่ 54.20 ล้านตัน มาจากอินโดนีเซีย 32 ล้านตัน ออสเตรเลีย 17 ล้านตัน และจีน 3.2 ล้านตัน จากนั้นในปี 2558 ปริมาณผลผลิตจะเพิ่มเป็น 57.30 ล้านตัน มาจากอินโดนีเซีย 32 ล้านตัน ออสเตรเลีย 18 ล้านตัน และจีน 3.3 ล้านตัน
กำลังโหลดความคิดเห็น