“เบอร์ดี้” โหมกลุ่มใหม่ ส่งพรีโมหวนคืนพรีเมียม

“เบอร์ดี้” เร่งเครื่องขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่งพรีโมจับพรีเมียม พร้อมกำลังผลิตเพิ่มเป็น 750 ล้านกระป๋องภายในปีนี้ ทุ่มงบตลาดเพิ่มเป็น 900 ล้านบาท โหมสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ก

นายวิชัย ชัยปินชนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟพร้อมดื่มอาร์ทีดี เบอร์ดี้ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายตลาดผู้ดื่มเบอร์ดี้มากขึ้น เนื่องจากประชากรกว่า 60% ของไทยยังไม่ได้เป็นผู้ดื่มกาแฟอาร์ทีดี ถือเป็นตลาดที่ใหญ่และมีโอกาสอีกมาก รวมถึงจะขยายฐานไปสู่คนรุ่นใหม่ ที่มีอายุ 20 ปีขึ้น และวัยเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้มีสัดส่วน 20% ของรายได้ ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 50% แต่คงต้องใช้เวลา จากเดิมที่ลูกค้าหลักปัจจุบันมีอายุ 40 ปีขึ้นไปแล้ว

บริษัทฯ จะใช้งบการตลาดปีนี้ประมาณ 900 ล้านบาท เพิ่ม 30% จากปีที่แล้วที่ใช้ 600 ล้านบาท เช่น การจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตฉลอง 20 ปีเบอร์ดี้ 20 จังหวัดทั่วประเทศ เปิดตัวหนังโฆษณาใหม่ เป็นต้น โดยที่สินค้ากระจายเข้าตลาดกว่า 90% ของช่องทางแล้ว ผ่าน 4 ดีซีใหญ่ และ 34 สำนักงาน กับ 400 ทีมขายของบริษัทฯ

นอกจากนั้น โรงงานใหม่แห่งที่ 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมหนองแค สระบุรี ที่ลงทุนประมาณ 1,400 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้วคาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปีนี้ ทำให้เพิ่มกำลังผลิตขึ้นอีก 360 ล้านกระป๋องต่อปีรวมกับโรงงานเดิมทำให้มีกำลังผลิตเป็น 750 ล้านกระป๋องต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่จะป้อนตลาดในประเทศเป็นหลักที่เติบโตสูงมาก ซึ่งอัตราการดื่มกาแฟอาร์ทีดีคนไทยขณะนี้อยู่ที่ 2 กระป๋องต่อคนต่อสัปดาห์

รวมทั้งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ เบอร์ดี้ พรีโม ขวดเพ็ต ราคา 20 บาท ขนาด 180 ม.ล. จำนวน 3 รสชาติ เพิ่มจากเดิมที่เป็นบรรจุภัณฑ์กระป๋อง ขณะนี้ราคา 13 บาท ปรับขึ้นเมื่อปีที่แล้วจากเดิม 12 บาทต่อกระป๋อง ซึ่งพรีโมนี้ทำเพื่อขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในอดีตเบอร์ดี้เคยออกแบรนด์ริโก้มาแล้วในอดีตที่เป็นขกล่องทรงแปดเหลี่ยมพื่อจับคนรุ่นใหม่ แต่ได้เลิกทำตลาดไป เพราะช่วงนั้นเกิดจากความไม่พร้อมหลายประการ เช่น ผู้บริโภคอาจจะยังไม่เปิดรับแพกเกจจิ้งใหม่ และราคาอาจจะสูงไปที่ 15 บาท

“แผนการตลาดหลักๆ ของเรา คือ การรักษาฐานลูกค้าเก่า และสร้างฐานลูกค้าใหม่ ให้ความสำคัญกับการทำประชาสัมพันธ์ โฆษณา และใช้สื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กที่เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ด้วย ซึ่งตลาดกาแฟพร้อมดื่มปีที่แล้วคึกคักมาก และแข่งขันรุนแรง ผู้บริโภคมีทางเลือกตลาดเครื่องดื่มมากขึ้น เราต้องปรับตัวรักษาตลาดท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้”

นายวิชัยกล่าวว่า ปัจจุบันตลาดกาแฟในไทยมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกาแฟพร้อมดื่มหรืออาร์ทีดี 35% หรือ 10,000 ล้านบาท กาแฟทรีอินวัน 50% หรือมูลค่า 15,000 ล้านบาท และที่เหลือ 15% เป็นกาแฟผงสำเร็จรูป ซึ่งตลาดรวมเติบโตประมาณ 5% อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกาแฟอาร์ทีดีในเซกเมนต์ของพรีเมียมมีมูลค่าตลาด 500 ล้านบาท แต่ปีที่แล้วตลาดตกลงหลือแค่ 200 ล้านบาท เพราะผู้ผลิตได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554

“บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเบอร์ดี้ปีนี้เติบโต 7% เท่าปีที่แล้ว และยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งอันดับหนึ่งกว่า 70% ทิ้งห่างอันดับสองที่มีแชร์ประมาณ 20%” นายวิชัยกล่าว