xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีเชื่อมั่นเดือน ก.พ.พุ่งสูงสุดรอบ 19 เดือน เหตุขึ้นค่าแรง-จำนำเกษตรทำให้คนมีรายได้เพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดัชนีความเชื่อมั่น ก.พ.พุ่งเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ทำสถิติสูงสุดรอบ 19 เดือน หลังประชาชนมีรายได้เพิ่มจากขึ้นค่าแรง จำนำสินค้าเกษตร ส่งออกดี คาดแนวโน้มยังเพิ่มได้อีก จับตาเศรษฐกิจโลก บาทแข็ง การเมืองตัวฉุด

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นประจำเดือน ก.พ. 2556 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 84 เพิ่มจาก 81.7 ซึ่งสูงสุดในรอบ 19 เดือนนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2554 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 65.6 เพิ่มจาก 63.5 สูงสุดในรอบ 29 เดือนนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2553 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 90.1 เพิ่มจาก 87.7 สูงสุดในรอบ 19 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 74.3 เพิ่มจาก 72.1 ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานอยู่ที่ 75.5 เพิ่มจาก 72.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้อนาคตอยู่ที่ 102.2 เพิ่มจาก 100

ปัจจัยบวกที่ทำให้ดัชนีสูงขึ้น มาจากการที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2555 ขยายตัวถึง 18.9% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคาดว่าจีดีพีทั้งปี 2556 จะขยายตัว 4.5-5.5% ประกอบกับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิมที่ 2.75% การส่งออกเดือนม.ค. 2556 ขยายตัว 16.1% ตลาดหุ้นมีความคึกคักเพิ่มขึ้นเกิน 1,500 จุด รวมถึงนโยบายการเพิ่มรายได้จากปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาล

ส่วนปัจจัยลบมาจากความกังวลทางการเมือง และความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน ความผันผวนของค่าเงินบาทแข็งค่าจนอาจกระทบต่อการท่องเที่ยวและการส่งออก ความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้ารวมถึงภาวะค่าครองชีพประชาชน ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจนอาจกระทบต่อเงินเฟ้อและความเชื่อมั่นในอนาคต และความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตไฟฟ้าช่วงเดือน เม.ย.นี้

นายธนวรรธน์กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตยังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีกและอาจทะลุ 100 จุด กลับมาสู่สถานการณ์ปกติได้ในปีนี้ โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกที่ฟื้นตัว ทำให้แรงงานภาคอุตสาหกรรมมีรายได้จากการจ้างงานสูงขึ้น ประกอบกับราคาสินค้าค่าครองชีพไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นนัก และการท่องเที่ยวปีนี้ที่มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามามากกว่า 24 ล้านคน การลงทุนพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานของรัฐบาลที่มีมูลค่ากว่า 2.2 ล้านล้านบาท รวมถึงการจำนำสินค้าเกษตร ซึ่งจะทำให้จีดีพีไทยปีนี้มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 5.5% ได้

อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบ 3 เรื่อง ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป การเกิดฟองสบู่ในจีน รวมถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอกเชีย ปัญหาต่อมาค่าเงินบาทผันผวน หากมีการแข็งค่าขึ้นอีกอาจทำให้กระทบต่อการส่งออก รวมถึงปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น