นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ 2556 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมที่ 72.1 อยู่ที่ 74.3 สูงสุดในรอบ 19 เดือน นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 ปัจจัยบวกที่สำคัญมาจากการที่สภาพัฒน์ แถลงตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 ของปี 2555 ขยายตัวร้อยละ 18.9 รวมทั้งคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 2.75 ขณะเดียวกันภาคตลาดทุนเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้นถึง 67.38 จุด รวมทั้งการส่งออกเดือนมกราคม ที่ขยายตัวร้อยละ 16.1 และนำเข้าขยายตัวร้อยละ 40.9
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจัยสำคัญที่หอการค้าไทยประเมินว่า ส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุดคือ การปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท และโครงการรับจำนำข้าว ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนจับจ่ายของเกษตรกร ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมทั้งการท่องเที่ยว ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยเดือนละ 2.2 ล้านคน หากตัวเลขการขยายตัว และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังเป็นไปในทิศทางที่ดี เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปี 2556 โดยรวมจะขยายตัวร้อยละ 5.5 โดยครึ่งปีหลังจะมีปัจจัยสำคัญเรื่องการขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
ส่วนปัจจัยลบที่มีผลต่อเศรษฐกิจในขณะนี้ หอการค้าไทยประเมินว่านอกจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน รวมทั้งการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท ทำให้ผู้ประกอบการไทยกังวลแล้ว ยังมีปัจจัยสถานการณ์การเมืองในอนาคต และความกังวลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในอนาคต
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจัยสำคัญที่หอการค้าไทยประเมินว่า ส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุดคือ การปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท และโครงการรับจำนำข้าว ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนจับจ่ายของเกษตรกร ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมทั้งการท่องเที่ยว ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยเดือนละ 2.2 ล้านคน หากตัวเลขการขยายตัว และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังเป็นไปในทิศทางที่ดี เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปี 2556 โดยรวมจะขยายตัวร้อยละ 5.5 โดยครึ่งปีหลังจะมีปัจจัยสำคัญเรื่องการขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
ส่วนปัจจัยลบที่มีผลต่อเศรษฐกิจในขณะนี้ หอการค้าไทยประเมินว่านอกจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน รวมทั้งการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท ทำให้ผู้ประกอบการไทยกังวลแล้ว ยังมีปัจจัยสถานการณ์การเมืองในอนาคต และความกังวลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในอนาคต
