“เฮียเพ้ง” สั่งทบทวนแผนผลิตไฟหรือพีดีพี 2013 ลดพึ่งก๊าซฯผลิตไฟให้เหลือ 45% เบรกค่าไฟฐานที่ส่อเค้าพุ่งเป็น 4-5 บาท/หน่วยในปี 2558 เพิ่มถ่านหิน น้ำ และโรงไฟฟ้าชีวมวลจากหญ้าเนเปียร์ 3 ชาติ พม่า มาเลย์ กัมพูชา รุมจีบเสนอร่วมพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินให้ไทย เล็งดึง กฟผ.เข้าร่วมทำ คาด “ปู” เยือนมาเลย์ถกพลังงานภาพรวม
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) ของประเทศที่อยู่ระหว่างการทบทวนแผนพีดีพี (2013 ) ครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นแผนระยะยาว (2556-2573) ไปพิจารณากระจายความเสี่ยงการใช้เชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในระยะยาวเพื่อลดผลกระทบค่าไฟฟ้าฐาน ที่มีแนวโน้มอีก 2 ปีข้างหน้า หรือปี 2558 จะสูงขึ้นจากปัจจุบัน 3.71 บาทต่อหน่วยเป็น 4-5 บาทต่อหน่วยจากทิศทางราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายให้ลดการใช้ก๊าซผลิตไฟจากปัจจุบัน 70% ให้เหลือ 45% และเพิ่มถ่านหินจาก 18% เป็น 20% น้ำและการซื้อไฟจากต่างประเทศ 10% เป็น 15% พลังงานทดแทน 20% ตามแผนแต่สัดส่วนดังกล่าวให้เพิ่มผลิตไฟจากชีวมวลโดยเฉพาะหญ้าเนเปียร์ให้เพิ่มขึ้นเป็น 15% ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนการใช้ถ่านหินและพลังงานทดแทนดังกล่าวจะช่วยในเรื่องความมั่นคงสำรองไฟให้เพิ่มขึ้นและราคาค่าไฟที่จะถูกลง
“เราได้หารือกันว่าถ้าปล่อยไว้เช่นนี้จะมีปัญหาค่าไฟแพงแล้วยังมีปัญหาความมั่นคงที่เสี่ยงมากเพราะก๊าซมาตามท่อสำรองไม่ได้ ขณะที่ถ่านหินนั้นสต็อกไว้ที่โรงไฟฟ้าได้มากถึง 100 วัน หรือใช้ได้ 3-6 เดือนจึงเป็นสำรองที่มั่นคงและยังมีราคาต่ำ และเทคโนโลยีขณะนี้ก็ก้าวหน้าไปมากจึงอยากเห็นเพิ่มสัดส่วนถ่านหินสะอาดที่ขณะนี้มีแผนผลิต 4,000 เมกะวัตต์ให้เป็น 10,000 เมกะวัตต์ และพลังน้ำที่รวมซื้อจากต่างประเทศเป็น 10,000 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าจากหญ้าเนเปียร์อีก 10,000 เมกะวัตต์” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม วันที่ 28 ก.พ.จะเดินทางร่วมกับคณะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนประเทศมาเลเซียจะมีการหารือร่วมกันในเรื่องของพลังงานภาพรวมแต่จะไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ ซึ่งล่าสุดมาเลเซียได้เสนอตัวในการพัฒนาโรงไฟฟ้าจากถ่านหินให้ไทย 1,600 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมีประเทศพม่า อีก 4,000 เมกะวัตต์ และกัมพูชา 4,000 เมกะวัตต์
“การไปมาเลเซียครั้งนี้จะไปดูในวงกว้างจะยังไม่ได้ทำข้อตกลงใดๆ ส่วนข้อเสนอขายไฟจากเพื่อนบ้านครั้งนี้ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่อาจจะต้องมาดูในรายละเอียดและความเหมาะสมโดยก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในสว่นของ กฟผ.อินเตอร์ไปลงทุนร่วมกับเอกชนเหล่านั้นแทนซึ่งการผลิตไฟจากถ่านหินผมคิดว่าควรเปิดกว้างไม่ได้จำกัดว่าใครจะต้องลงทุนขอเพียงการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
นายธนา พุฒรังษี รองผู้ว่าการระบบส่ง กฟผ. กล่าวหลังการหารือร่วมกับผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (ไอพีพี) เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ว่า ได้มอบหมายให้ไอพีพีไปดูสัดส่วนการจ่ายไฟฟ้าเพิ่มนอกสัญญาซื้อขายได้มากน้อยเพียงใดและให้เตรียมพร้อมในการผลิตไฟเพื่อรับมือกับสำรองไฟที่ต่ำในวันที่ 5 เม.ย. อย่างไรก็ตาม วันที่ 5 มี.ค.จะนำแผนประหยัดทุกฝ่ายมาประมวลภาพรวมกับ 2การไฟฟ้าในการวางแผนให้ถึงการรับมือที่ชัดเจนมากขึ้นซึ่งเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดวิกฤตไฟดับเว้นแต่จะมีเหตุฉุกเฉินจริงๆ
