ASTVผู้จัดการรายวัน-"ปู"ขอบคุณรัฐมนตรีช่วยสร้างภาพประหยัดพลังงาน ปิ้งไอเดียต่อ สั่งวัฒนธรรมตัดผ้าไทยให้ ครม. ใส่ ด้าน "เฮียเพ้ง" สั่งทบทวนแผนผลิตไฟ ลดพึ่งก๊าซฯ เหลือเพียง 45% ขยับไปใช้ถ่านหิน น้ำ และโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มขึ้น หวังแก้ปัญหาไฟฟ้าขาดและราคาแพง
นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (27 ก.พ.) ว่า ในการประชุม ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความขอบคุณรัฐมนตรีที่ได้รณรงค์การประหยัดพลังงาน จากการทำแผนมาตรการประหยัดพลังงานออกมา และเพื่อความยั่งยืนในการประหยัดพลังงาน นายกฯ ขอให้ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยให้มีการจัดทำแผนระยะยาว กำหนดแนวทางใช้ไฟฟ้าอย่างเหมาะสม รวมทั้งการรณรงค์ให้หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจให้ความร่วมมือในเรื่องนี้
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมใช้ผ้าไทยให้สอดรับกับการประหยัดพลังงาน ได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมพิจารณานำผ้าไทยมาใช้เป็นเครื่องแต่งกายสุภาพสำหรับ ครม. ด้วย
ส่วนการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าไม่เพียงพอ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) ของประเทศที่อยู่ระหว่างการทบทวนแผนพีดีพี 2013 ครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นแผนระยะยาว 2556-2573 ไปพิจารณากระจายความเสี่ยงการใช้เชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในระยะยาวเพื่อลดผลกระทบค่าไฟฟ้าฐาน ที่มีแนวโน้มอีก2ปีข้างหน้าหรือปี 2558 จะสูงขึ้นจากปัจจุบัน 3.71 บาทต่อหน่วย เป็น 4-5 บาทต่อหน่วยจากทิศทางราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
โดยได้มอบนโยบายให้ลดการใช้ก๊าซผลิตไฟจากปัจจุบัน 70% ให้เหลือ 45% และเพิ่มถ่านหินจาก18% เป็น 20% น้ำและการซื้อไฟจากต่างประเทศจาก 10% เป็น 15% และพลังงานทดแทน 20% แต่สัดส่วนดังกล่าวให้เพิ่มผลิตไฟจากชีวมวลโดยเฉพาะหญ้าเนเปียร์ให้เพิ่มขึ้นเป็น 15% ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนการใช้ถ่านหินและพลังงานทดแทนดังกล่าวจะช่วยในเรื่องความมั่นคงสำรองไฟให้เพิ่มขึ้นและราคาค่าไฟที่จะถูกลง
อย่างไรก็ตาม วันที่ 28 ก.พ. จะเดินทางร่วมกับคณะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนประเทศมาเลเซียจะมีการหารือร่วมกันในเรื่องของพลังงานภาพรวม แต่จะไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ ซึ่งล่าสุดมาเลเซียได้เสนอตัวในการพัฒนาโรงไฟฟ้าจากถ่านหินให้ไทย 1,600 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังมีประเทศพม่า อีก 4,000 เมกะวัตต์ และกัมพูชา 4,000 เมกะวัตต์
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เตรียมแจกคู่มือแนวทางในการประหยัดพลังงาน 70,000 เล่ม แก่โรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศในการร่วมกันลดไฟฟ้าและการใช้พลังงานอย่างอื่นลงอีก 10% เพื่อร่วมกันรับมือภาวะวิกฤตด้านพลังงาน ที่แหล่งก๊าซธรรมชาติพม่าจะหยุดจ่ายก๊าซให้ไทย ในช่วงวันที่ 5-14 เม.ย.2556 จากปัจจุบันที่โรงงาน 70,000 แห่งทั้งที่สังกัดกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) มีการใช้ไฟฟ้าประมาณ 12,000 เมกะวัตต์หรือคิดเป็น 40% ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศ
นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (27 ก.พ.) ว่า ในการประชุม ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความขอบคุณรัฐมนตรีที่ได้รณรงค์การประหยัดพลังงาน จากการทำแผนมาตรการประหยัดพลังงานออกมา และเพื่อความยั่งยืนในการประหยัดพลังงาน นายกฯ ขอให้ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยให้มีการจัดทำแผนระยะยาว กำหนดแนวทางใช้ไฟฟ้าอย่างเหมาะสม รวมทั้งการรณรงค์ให้หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจให้ความร่วมมือในเรื่องนี้
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมใช้ผ้าไทยให้สอดรับกับการประหยัดพลังงาน ได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมพิจารณานำผ้าไทยมาใช้เป็นเครื่องแต่งกายสุภาพสำหรับ ครม. ด้วย
ส่วนการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าไม่เพียงพอ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) ของประเทศที่อยู่ระหว่างการทบทวนแผนพีดีพี 2013 ครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นแผนระยะยาว 2556-2573 ไปพิจารณากระจายความเสี่ยงการใช้เชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในระยะยาวเพื่อลดผลกระทบค่าไฟฟ้าฐาน ที่มีแนวโน้มอีก2ปีข้างหน้าหรือปี 2558 จะสูงขึ้นจากปัจจุบัน 3.71 บาทต่อหน่วย เป็น 4-5 บาทต่อหน่วยจากทิศทางราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
โดยได้มอบนโยบายให้ลดการใช้ก๊าซผลิตไฟจากปัจจุบัน 70% ให้เหลือ 45% และเพิ่มถ่านหินจาก18% เป็น 20% น้ำและการซื้อไฟจากต่างประเทศจาก 10% เป็น 15% และพลังงานทดแทน 20% แต่สัดส่วนดังกล่าวให้เพิ่มผลิตไฟจากชีวมวลโดยเฉพาะหญ้าเนเปียร์ให้เพิ่มขึ้นเป็น 15% ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนการใช้ถ่านหินและพลังงานทดแทนดังกล่าวจะช่วยในเรื่องความมั่นคงสำรองไฟให้เพิ่มขึ้นและราคาค่าไฟที่จะถูกลง
อย่างไรก็ตาม วันที่ 28 ก.พ. จะเดินทางร่วมกับคณะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนประเทศมาเลเซียจะมีการหารือร่วมกันในเรื่องของพลังงานภาพรวม แต่จะไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ ซึ่งล่าสุดมาเลเซียได้เสนอตัวในการพัฒนาโรงไฟฟ้าจากถ่านหินให้ไทย 1,600 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังมีประเทศพม่า อีก 4,000 เมกะวัตต์ และกัมพูชา 4,000 เมกะวัตต์
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เตรียมแจกคู่มือแนวทางในการประหยัดพลังงาน 70,000 เล่ม แก่โรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศในการร่วมกันลดไฟฟ้าและการใช้พลังงานอย่างอื่นลงอีก 10% เพื่อร่วมกันรับมือภาวะวิกฤตด้านพลังงาน ที่แหล่งก๊าซธรรมชาติพม่าจะหยุดจ่ายก๊าซให้ไทย ในช่วงวันที่ 5-14 เม.ย.2556 จากปัจจุบันที่โรงงาน 70,000 แห่งทั้งที่สังกัดกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) มีการใช้ไฟฟ้าประมาณ 12,000 เมกะวัตต์หรือคิดเป็น 40% ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศ