ASTVผู้จัดการรายวัน - พีทีที โกลบอลฯ ชี้แนวโน้มราคาปิโตรเคมีขยับดีขึ้นจากปีก่อนตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก คาด EBITDA ปีนี้โตขึ้นอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในจีนและอินโดฯคาดมีความชัดเจนได้กลางปีนี้ ส่วนมาเลเซียเลื่อนไปเป็นไตรมาส 3/56 เตรียมออกหุ้นกู้ดอลลาร์อีก 1 พันล้านเหรียญปลายปีนี้ รองรับการลงทุนอนาคต
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องจากปี2555 หลังจากเห็นสัญญาณเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีดีขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อนโดยเฉพาะราคาพาราไซลีน และโมโนเอทลีนไกลคอล (MEG) จากความต้องการของโรงงานผลิตพีทีเอและโพลีเอสเตอร์ของจีน ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้น่าจะใกล้เคียงปี 2555 ที่เฉลี่ย 109 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ดังนั้น ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่ากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อนที่มี EBITDA 5.58 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาเม็ดพลาสติก HDPE ขณะนี้อยู่ที่ตันละ 1.4 พันเหรียญสหรัฐ สูงกว่าปีที่แล้วเฉลี่ยตันละ 1.38 พันเหรียญสหรัฐ และบริษัทฯวางแผนเดินเครื่องจักรโรงโอเลฟินส์สูงกว่าปีก่อนอยู่ที่ 90% ของกำลังการผลิตจากปี 2555 อยู่ที่ 88% ของกำลังผลิต
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีนโยบายที่จะสร้างความเข้มแข็ง เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและสร้างกำไรจากการขยายธุรกิจโดยให้ความสำคัญในด้านการตลาด การผลิต และการลงทุนขยายธุรกิจ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVS) ทำให้มั่นใจว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า บริษัทจะมี EBITDA เติบโตเฉลี่ยปีละ 5-6% โดยอีก 10 ปีข้างหน้าบริษัทมีจะรายได้ประมาณ 8-9 แสนล้านบาท จากปี 2555 มีรายได้รวม 5.6 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งงบลงทุน 5 ปีข้างหน้า (2556-2560) ที่ 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเป็นการลงทุนเฉลี่ยปีละ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากผลการดำเนินงานของบริษัทเฉลี่ยปีละ 500 ล้านเหรียญฯ และอีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐมาจากการออกหุ้นกู้ โดยบริษัทได้ออกหุ้นกู้ไปแล้ว 1 พันล้านเหรียญฯ และมีแผนจะออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐเพิ่มอีก 1 พันล้านเหรียญฯ ในปลายปีนี้ หรือต้นปี 2557 อายุหุ้นกู้ 10 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนและรายได้ของบริษัท
ส่วนเงินลงทุนในปีนี้บริษัทฯ มีกระแสเงินสดพร้อมที่จะลงทุนอยู่แล้ว 1 พันล้านเหรียญ เพียงพอที่จะขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการขยายการลงทุนในต่างประเทศนั้นจะทำให้บริษัทเติบโตอย่างเด่นชัดปี 2560 เป็นต้นไป
นายอนนต์กล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนในต่างประเทศว่า ตามที่บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ในการเข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ในร่วมทุนกับปิโตรนาส ประเทศมาเลเซีย เพื่อลงทุนโครงการผลิตโพลียูรีเทนและโพลีคาร์บอเนต คาดว่าจะเลื่อนการสรุปผลออกไปเป็นไตรมาส 3/2556 จากเดิมที่เคยกำหนดไว้กลางปี 2556 ส่วนความคืบหน้าการจะเข้าร่วมทุนกับเปอร์ตามีนา ประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าทางอินโดนีเซียจะสรุปเลือกผู้ร่วมทุนในเดือน มี.ค.นี้
สำหรับการร่วมทุนกับซิโนเปคของจีน เพื่อตั้งโรงงานผลิตโพลียูรีเทน คาดว่ามีความชัดเจนในกลางปีนี้ ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทฯอาจเลือกลงทุนบางโครงการหรือทั้ง 3 โครงการ ขึ้นกับผลตอบแทนการลงทุน โดยจะต้องไม่เป็นการลงทุนเกินตัว ทำให้มีหนี้สินต่อทุนเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 0.7 เท่า
ส่วนปัญหาก๊าซฯ ขาดในช่วง เม.ย.นี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากปริมาณก๊าซฯ ในอ่าวไทยจะผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อป้อนเข้าเสริม