xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ผลิตทองยักษ์ใหญ่ส่งสัญญาณฟื้นตัวหลังประสบภาวะตกต่ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

        บริษัทเหมืองทองของแคนาดา โดยเฉพาะบริษัทแบร์ริค โกลด์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มส่งสัญญาณแรกสำหรับการฟื้นตัวแล้วหลังจากบริษัทกลุ่มนี้อยู่ในภาวะตกต่ำมานานหนึ่งปี โดยทางบริษัทได้ปรับปรุงกิจการเพื่อปรับตัวรับภาวะราคาทองที่ชะงักงัน
        ก่อนหน้านี้บริษัทเหมืองทองของแคนาดาได้เข้าซื้อกิจการจำนวนมากแต่พบว่ากิจการเหล่านี้ไม่สามารถทำกำไรได้ตามความคาดหมายเพราะต้นทุนพุ่งสูงขึ้น ดังนั้นบริษัทเหมืองทองบางแห่งจึงยอมรับว่าการใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อกิจการดังกล่าวถือเป็นสิ่งผิดพลาด และให้สัญญาว่าจะจำกัดการใช้จ่ายเงิน
        นับตั้งแต่กลางปี 2012 เป็นต้นมา บริษัทส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ได้ให้สัญญาว่าจะปรับลดต้นทุน และจะเพิ่มผลตอบแทนสำหรับผู้ถือหุ้นให้สูงที่สุด แทนที่จะเน้นการลงทุนจำนวนมากเพื่อขยายกิจการเหมือนแต่ก่อน
        คำสัญญาดังกล่าวเริ่มส่งผลให้เห็นในไตรมาส 4/2012 โดยบริษัทแบร์ริคและบริษัทคินรอส โกลด์ คอร์ป ซึ่งเป็นคู่แข่งที่มีขนาดเล็กกว่า ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาในสัปดาห์ที่แล้ว และผลประกอบการของบริษัททั้งสองก็อยู่ในระดับที่ดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ในขณะที่แผนริเริ่มในการปรับลดต้นทุนและแผนการลงทุนอย่างมีวินัยช่วยลดผลกระทบที่ทางบริษัทได้รับจากการพุ่งขึ้นของต้นทุน
        นายเจมี โซคาลสกี ซีอีโอของแบร์ริค กล่าวว่า "เราจะไม่ใช้จ่ายเงินเพียงเพื่อเพิ่มจำนวนออนซ์ในการผลิตทองให้สูงขึ้น" และกล่าวเสริมว่า "อัตราผลกำไรจะกระตุ้นปริมาณการผลิต แต่ปริมาณการผลิตไม่ใช่สิ่งที่จะกระตุ้นอัตราผลกำไร"
        แบร์ริคเคยมีชื่อเสียงว่าเป็นบริษัทที่มักขยายอาณาจักรของตนเองออกไปแต่ปัจจุบันนี้แบร์ริคไม่ได้วางแผนโครงการก่อสร้างใหม่ใดๆอีก โดยแบร์ริคมุ่งความสนใจไปที่การปรับปรุงการดำเนินงานและผลตอบแทน และการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไป
        นายพาเวล ไรจ์เซล นักวิเคราะห์ของบริษัทเวริตาส อินเวสท์เมนท์ รีเสิร์ช กล่าวว่า "ดูเหมือนว่าบริษัทกลุ่มนี้ควบคุมต้นทุนอย่างจริงจัง และได้ปรับปรุงตัวใหม่แล้ว ผมคิดว่าบริษัทกำลังปรับตัวไปในทิศทางที่ถูกต้อง"
        ทางด้านบริษัทนิวมอนท์ ไมนิง คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองทองอันดับหนึ่งของสหรัฐ มีแนวโน้มจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ในวันที่ 21 ก.พ. ก่อนที่นายริชาร์ด โอ'เบรียน จะก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอของบริษัทในวันที่ 1 มี.ค.
        นิวมอนท์ได้ปรับลดมูลค่าทางบัญชีของโครงการเหมืองทองโฮปเบย์ในเขตขั้วโลกเหนือของแคนาดาลงในปีที่แล้ว หลังจากที่โครงการดังกล่าวเคยมีแนวโน้มดีมากในช่วงก่อนหน้านั้น โดยปัจจุบันนี้นิวมอนท์ได้ทำข้อตกลงในการขายโครงการโฮปเบย์ให้แก่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
        ทั้งบริษัทคินรอสและแบร์ริคได้ลงบัญชีค่าใช้จ่ายที่มิใช่เงินสดในระดับหลายพันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 โดยปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ต่างๆที่เคยเข้าซื้อไว้ในราคาแพงในช่วงที่ราคาทองอยู่ในภาวะกระทิง
        การปรับลดมูลค่าทางบัญชีนี้เกิดขึ้นในเวลาราว 6 เดือนหลังจากคินรอสและแบร์ริคปลดซีอีโอของตนเองออกจากบริษัท โดยแบร์ริคอ้างว่าราคาหุ้นของบริษัทตกต่ำเมื่อทำการปลดนายแอรอน รีเจนท์ออกจากตำแหน่ง
ส่วนคินรอสปลดนายไท เบิร์ทออกจากตำแหน่งซีอีโอ หลังจากเขาสนับสนุนการเข้าเทคโอเวอร์บริษัทเรด แบค ไมนิงในปี 2010
        ตลาดหุ้นมีปฏิกิริยาในทางบวกต่อการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีโดยราคาหุ้นแบร์ริคพุ่งขึ้นกว่า 5 % หลังการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ ส่วนราคาหุ้นคินรอสพุ่งขึ้นเกือบ 7 % ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีข่าวนี้ออกมา ราคาหุ้นทั้งสองตัวเคยดิ่งลงมาแล้วกว่า 30 % จากช่วงต้นปี 2012
        หลังจากผู้บริหารชุดใหม่ได้เข้ามาทำงานในแบร์ริคและคินรอสทั้งสองบริษัทก็ประกาศปรับเปลี่ยนแผนยุทธศาสตร์เพื่อมุ่งความสนใจไปที่คุณภาพในการผลิตทอง แทนที่จะเป็นปริมาณการผลิต
        แบร์ริคปรับลดตัวเลขคาดการณ์ปริมาณการผลิตทองระยะกลางลง 11 % สู่ 8 ล้านออนซ์ต่อปี โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการเลื่อนโครงการเหมืองที่แบร์ริคมองว่าใช้เงินมากเกินไปในการลงทุน
        ขณะนี้แบร์ริคไม่มีแผนพัฒนาโครงการเหมืองทองแห่งใด ยกเว้นเหมืองปาสกวา-ลามาที่ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนชิลีกับอาร์เจนตินา โดยเหมืองแห่งนี้อาจใช้ต้นทุน 8.5 พันล้านดอลลาร์ในการก่อสร้าง
        นายเคอร์รี สมิธ นักวิเคราะห์ของบริษัทเฮย์วูด กล่าวว่า การตัดสินใจระงับการก่อสร้างเหมืองแห่งใหม่ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องในขณะนี้ และตั้งข้อสังเกตว่าภาวะแวดล้อมทางต้นทุนในปัจจุบันไม่สนับสนุนให้มีการก่อสร้างเหมืองแห่งใหม่
        นายสมิธกล่าวว่า "แบร์ริคจำเป็นต้องมุ่งความสนใจไปที่การสร้างเงินสดอิสระเพื่อลดภาระหนี้สินของตน ขณะที่ภาระหนี้ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับสูงสุดเท่าที่เราจะยอมรับได้" และกล่าวเสริมว่า "การเลื่อนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ออกไปเมื่อใดก็ตามที่เหมืองปาสกวา-ลามาแล้วเสร็จ จะเปิดโอกาสให้แบร์ริคสามารถฟื้นฟูดุลเงินสดของตน, เพิ่มเงินปันผล และชำระหนี้"
        แบร์ริคกำลังแสวงหาผู้ซื้อสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัทด้วยโดยเฉพาะหุ้น 74 % ในบริษัทแอฟริกัน แบร์ริค โกลด์ และธุรกิจพลังงานของแบร์ริค
        ทางด้านบริษัทคินรอสได้ชะลอการขยายกิจการเช่นกัน โดยในปีที่แล้วคินรอสได้ยกเลิกแผนขยายกิจการขนาดใหญ่สำหรับเหมืองแร่ทาเซียสท์ในประเทศมอริตาเนีย หลังจากพบว่าต้องใช้ต้นทุนสูงเกินไป
        ขณะนี้คินรอสกำลังจัดทำแผนทางเลือกสำหรับการขยายกิจการขนาดเล็กในแอฟริกาตะวันตก และคาดว่าจะก่อสร้างเหมืองดวอยโนเยในรัสเซียให้เสร็จได้ในปีนี้
        มูลค่าของบริษัทคินรอสดิ่งลงกว่า 50 % นับตั้งแต่เข้าเทคโอเวอร์บริษัท เรด แบค ไมนิงในวงเงิน 7.1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2010 ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูมูลค่าของคินรอสคือการปรับแผนใหม่และการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดว่าคินรอสกำลังพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
        นางอนิตา โซนี นักวิเคราะห์ของเครดิต สวิส กล่าวว่า คินรอสทำได้ดีในช่วงที่ผ่านมาในการปรับเปลี่ยนผู้บริหารและแผนยุทธศาสตร์การลงทุน อย่างไรก็ดีคินรอสอาจจะเผชิญความยากลำบากในปีนี้ในการควบคุมต้นทุนและการดำเนินงาน
        นางโซนีได้ปรับขึ้นอันดับความน่าลงทุนของหุ้นคินรอสสู่ outperform จาก neutral
        ทางด้านบริษัทโกลด์คอร์ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองทองขนาดใหญ่อันดับสองของแคนาดา ปรับตัวสวนทางกับบริษัทอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน โดยโกลด์คอร์ปวางแผนจะเปิดการทำงานในเหมืองใหม่ 3 แห่งภายในปี 2015 นอกจากนี้ โกลด์คอร์ปยังเปิดเผยผลกำไรที่สูงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว, ไม่ได้ปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชี และไม่ได้ปลดซีอีโอด้วย
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
 
 
T.Thammasak
กำลังโหลดความคิดเห็น