กรมขนส่งฯ เผยรถตู้โดยสารสาธารณะยังขับเร็วเกินกำหนดเฉลี่ย 116 กม./ชม. ยันจับความเร็วตามมาตรการเข้มข้น แนะประชาชนเลือกใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะที่ถูกกฎหมายเท่านั้น พร้อมประสานห้างฯ ใหญ่กว่า 35 แห่งใน กทม.และปริมณฑล ร่วมแก้ปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร “สมชัย” เผยจัดชุดผู้ตรวจการขนส่ง ออกตรวจตามจุดให้บริการ พบโทษปรับสูงสุด 1,000 บาท
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ ขบ.ได้นำมาตรการส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะ ด้วยการนำระบบเทคโนโลยี RFID มาตรวจจับความเร็วรถตู้โดยสารสาธารณะที่วิ่งบนทางด่วน ทางยกระดับโทลล์เวย์ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 จนถึงขณะนี้พบว่ายังมีรถตู้โดยสารขับเร็วเกินกำหนด โดยความเร็วเฉลี่ยที่เกินกำหนดประมาณ 116 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งหากตรวจพบรถตู้โดยสารสาธารณะขับเร็วเกินกำหนดผู้ขับรถครั้งที่ 1 จะมีโทษเปรียบเทียบปรับ 5,000 บาท กระทำผิดครั้งที่ 2 ภายใน 3 เดือนนับแต่กระทำผิดครั้งแรกจะถูกลงโทษ ปรับ 5,000 บาท และพักใช้ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ 30 วัน และหากกระทำผิดครั้งที่ 3 ภายใน 6 เดือน นับแต่กระทำความผิดครั้งแรกจะถูกลงโทษเปรียบเทียบปรับ 5,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ส่วนผู้ประกอบการขนส่งจะถูกลงโทษเปรียบเทียบปรับครั้งที่ 1 จำนวน 5,000 บาท ครั้งที่ 2 เปรียบเทียบปรับ 10,000 บาท พร้อมถอนรถออกจากการประกอบการ
นอกจากการส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะด้วยการตรวจจับความเร็วแล้ว ขบ.ยังได้ตรวจสอบรถตู้โดยสารสาธารณะที่บรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่งที่กำหนดตามที่มีการร้องเรียนผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ด้วย โดยหากตรวจพบจะปรับทันที 5,000 บาท และขอให้เลือกใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ โดยสังเกตได้จากแผ่นป้ายทะเบียนรถต้องเป็นทะเบียนสีเหลือง ตัวเลขและตัวอักษรสีดำ ด้านข้างมีเครื่องหมายแสดงการเข้าร่วมกับ ขสมก. หรือ บขส. ชื่อเส้นทาง พร้อมระบุจำนวนที่นั่งชัดเจนด้วย
นายสมชัยกล่าวว่า ในปี 2555 มีได้รับการร้องเรียนถึงปัญหาการใช้บริการรถแท็กซี่ ในเรื่องปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารมากถึงกว่า 60% ของจำนวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการบริการรถแท็กซี่ทั้งหมด ซึ่ง ขบ.ได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายทุกราย และเพื่อเป็นการเพิ่มมาตรการเสริมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขบ.ได้เชิญผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกว่า 35 แห่ง ที่เป็นจุดจอดรับ-ส่งผู้โดยสาร เพื่อร่วมหารือถึงมาตรการแก้ไขปัญหาร่วมกัน พร้อมทั้งได้ขอความร่วมมือให้จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ ห้ามผู้ขับรถแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารพร้อมระบุโทษ และหมายเลขโทรศัพท์ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 พร้อมกับติดตั้งกล้องวงจรปิดซีซีทีวีติดตามบริเวณจุดรับ-ส่งผู้โดยสาร เพื่อสามารถตรวจสอบและติดตามผู้ขับรถที่กระทำผิดได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งห้างสรรพสินค้าพร้อมให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ
“ปัจจุบันกรมการขนส่งฯ ได้จัดส่งผู้ตรวจการขนส่งออกตรวจตามจุดให้บริการรถแท็กซี่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการรับเรื่องร้องเรียนผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 และหากพบแท็กซี่กระทำผิดปฏิเสธผู้โดยสารจะถูกเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายโทษสูงสุด 1,000 บาท พร้อมมีการเตรียมมาตรการเสริมอื่นๆ ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไป รวมทั้งเตรียมเพิ่มโทษในกรณีผิดซ้ำด้วยการพักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถสาธารณะตามลำดับต่อไป” นายสมชัย กล่าว
