ประธานาธิบดีบารัค โอบามาเสนอให้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำกว่า 20%, เสนอให้ลงทุน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคสำหรับการซ่อมแซมถนนและสะพานเก่า และเสนอให้ใช้งบ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในโครงการสร้างงานโดยมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในการกล่าวแถลงนโยบายประจำปีเช้าวันนี้ตามเวลาไทย
"เศรษฐกิจของเรากำลังสร้างงานเพิ่มขึ้น แต่ประชาชนจำนวนมากยังคงไม่สามารถหางานทำเต็มเวลา" ปธน.โอบามากล่าว "กำไรของภาคธุรกิจพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ แต่เป็นเวลากว่า 1 ทศวรรษแล้ว ที่ค่าแรงและรายได้แทบไม่ขยับ"
ทั้งนี้ ปธน.โอบามาเรียกร้องให้สภาคองเกรสสนับสนุนแผนการของเขาซึ่งรวมถึงแผนปฏิรูปการศึกษาและโครงสร้างภาษี ซึ่งฝ่ายบริหารของปธน.โอบามาเชื่อว่าแผนการดังกล่าวจะช่วยดึงดูดบริษัทผู้ผลิตให้โยกย้ายฐานการผลิตกลับมายังสหรัฐ โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดของโครงการนี้จะได้รับการชดเชยจากมาตรการปฏิรูปภาษีและมาตรการตัดงบรายจ่าย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนองบประมาณที่ปธน.โอบามาจะเปิดเผยออกมาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจาก 7.25 ดอลลาร์/ชั่วโมง เป็น 9 ดอลลาร์/ชั่วโมงจะช่วยเพิ่มรายได้สำหรับชาวอเมริกัน 15 ล้านคน โดยจะมีการดำเนินการเป็นขั้นตอน ขณะที่ผู้บริหารภาคเอกชนจำนวนมากต่างสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวซึ่งผลการศึกษาทางด้านเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำมีประสิทธิภาพในการลดความยากจน และลดค่าใช้จ่ายในการลาออกของพนักงานสำหรับภาคธุรกิจ
ปธน.โอบามายังประกาศเกี่ยวกับการเริ่มเจรจาการค้าเสรีระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรปที่มีสมาชิก 27 ประเทศ และจะเสร็จสิ้นการทำข้อตกลงการค้ากับประเทศคู่ค้าในเอเชีย-แปซิฟิก
นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งของการผลักดันของเขาที่จะทำให้ชาวอเมริกันมีทักษะในการแข่งขันในเศรษฐกิจโลกนั้น ปธน.โอบามาได้เสนอโครงการใหม่ที่จะช่วยให้เด็กอายุ 4 ขวบทั้งหมดได้เข้ารับการศึกษาตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล (pre-school)
ปธน.โอบามายังได้เปิดเผยถึงแผนการที่จะให้สหรัฐลดความเกี่ยวข้องในสงครามอัฟกานิสถานที่ดำเนินมานาน 11 ปี โดยประกาศว่า จะมีการถอนทหาร34,000 นายจากทั้งหมด 66,000 นายเพื่อเดินทางกลับสหรัฐภายในต้นปี 2014
ขณะเดียวกัน ปธน.โอบามายังระบุถึงการที่สหรัฐจะเป็นผู้นำโลกในการตอบโต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ, จะร่วมมือกับรัสเซียในการลดอาวุธนิวเคลียร์และเขาจะลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อป้องกันการโจมตีในโลกไซเบอร์
ทั้งนี้ สาระสำคัญในแถลงการณ์ประจำปีของปธน.โอบามา ได้แก่:-
*การสร้างงาน
-ลงทุน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึง 4 หมื่นล้าน ดอลลาร์ที่ใช้ในการซ่อมแซมถนนและสะพานเก่าอย่างเร่งด่วน
-ขอการสนับสนุนจากสภาครองเกรสในโครงการสร้างงานวงเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อฟื้นฟูหรือทุบทิ้งอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยหรือที่ถูกยึดมา เพราะติดหนี้จำนอง
-ใช้จ่ายงบ 1 พันล้านดอลลาร์ในการสร้างเครือข่ายสถาบันการผลิต 15 แห่งทั่วสหรัฐ โดยจะมีการเปิดตัวสถาบันการผลิต 3 แห่งในปีนี้ ผ่านทาง กระทรวงพลังงานและกระทรวงกลาโหม ขณะที่จะได้รับความช่วยเหลือจาก วิทยาลัยชุมชน, มหาวิทยาลัย และธุรกิจเอกชน
-เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำมากกว่า 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 7.25 ดอลลาร์/ ชั่วโมง สู่ระดับ 9 ดอลลาร์/ชั่วโมงก่อนสิ้นปี 2015 สำหรับชาวอเมริกัน 15 ล้านคน และรับประกันว่าค่าแรงขั้นต่ำจะปรับตัวสอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อ
-จัดตั้ง "เขตสัญญา" ในชุมชน 20 แห่งเพื่อให้ "ความช่วยเหลือ ทางเทคนิคอย่างเข้มข้น" แก่ชุมชนดังกล่าว โดยใช้โอกาสและโครงการที่มี อยู่เดิมในการช่วยสร้างงาน
*การค้า
-กระตุ้นการส่งออกโดยเปิดการเจรจาทางการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) ที่มีสมาชิก 27 ประเทศ และทำข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ในภูมิภาคแปซิฟิก (TPP) ให้แล้วเสร็จ
-เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดสำหรับการเลือกลงทุนในสหรัฐ หรือ SelectUSA Investment Summit เพื่อจับคู่ระหว่างธุรกิจต่างชาติ และรัฐบาลท้องถิ่นในสหรัฐ โดยมีจุดประสงค์เพื่อดึงดูดธุรกิจและการลงทุน จากต่างชาติ
*ภาษี
-เรียกร้องให้สภาคองเกรสปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และกำหนด อัตราภาษีพิเศษสำหรับบริษัทผู้ผลิตในระดับที่ต่ำลงไปอีก
-กำหนด "ภาษีกิจการในต่างประเทศ" เพื่อเรียกเก็บภาษีขั้นต่ำ สำหรับผลกำไรของกิจการในต่างประเทศ โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการ ลงทุนภายในประเทศ และเพื่อสกัดกั้นการแข่งขันกันปรับลดอัตราภาษีเงินได้
นิติบุคคลระหว่างประเทศต่างๆ
-ขยายมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการวิจัยและการพัฒนา และ ทำให้มาตรการนี้เป็นมาตรการถาวร
*อากาศและพลังงาน
-ตั้งกองทุน "ทรัสต์เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน" โดยใช้เงินทุนจาก ค่าภาคหลวงหรือค่าสัมปทานในการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ และใช้เงินดังกล่าว เพื่อการวิจัยเกี่ยวกับรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ และเชื้อเพลิงชีวภาพ
-เรียกร้องให้สภาคองเกรสทำให้กฏหมายการลดหย่อนภาษีการผลิต เป็นมาตรการถาวร และสามารถคืนภาษีเพื่อเป็นแรงจูงใจสำหรับการใช้พลังงาน ทดแทน เพื่อเพิ่มการผลิตเป็น 2 เท่าภายในปี 2020
-ใช้มาตรการจูงใจ "Race to the Top" สำหรับรัฐต่างๆที่มี นโยบายเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน เพื่อพยายามลดการสูญเสียพลังงานในภาค ครัวเรือนและธุรกิจลงครึ่งหนึ่งในช่วง 20 ปีข้างหน้า
-สร้างนโยบายใหม่เพื่อกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชนในด้าน การขนส่ง, ระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้า รวมถึงท่อส่งน้ำมันและก๊าซ
*การศึกษา
-ดำเนินการร่วมกับสภาคองเกรสในการสนับสนุนรัฐต่างๆของสหรัฐ เพื่อให้การศึกษาในชั้นเตรียมอนุบาลสำหรับเด็กอายุ 4 ขวบทั่วประเทศ
-เพิ่มแรงจูงใจสำหรับโรงเรียนมัธยมในการปรับเปลี่ยนรูปแบบ การสอน โดยเน้นการเรียนรู้โลกแห่งความเป็นจริง และรวมชั้นเรียนด้าน เทคโนโลยี, วิทยาศาสตร์และวิศวกรรม
-คุมเข้มความรับผิดชอบสำหรับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยที่ได้รับเงิน ช่วยเหลือจากรัฐบาล
*ประเด็นอื่นๆ
-ถอนทหารสหรัฐ 34,000 นายจากทั้งหมด 66,000 นายจากอัฟกานิสถาน โดยจะเดินทางกลับสหรัฐภายในต้นปี 2014
-ผลักดันสหรัฐเป็นผู้นำโลกในการตอบโต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ
-ร่วมมือกับรัสเซียในการลดอาวุธนิวเคลียร์
-ป้องกันการโจมตีในโลกไซเบอร์
(ข้อมูลข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
"เศรษฐกิจของเรากำลังสร้างงานเพิ่มขึ้น แต่ประชาชนจำนวนมากยังคงไม่สามารถหางานทำเต็มเวลา" ปธน.โอบามากล่าว "กำไรของภาคธุรกิจพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ แต่เป็นเวลากว่า 1 ทศวรรษแล้ว ที่ค่าแรงและรายได้แทบไม่ขยับ"
ทั้งนี้ ปธน.โอบามาเรียกร้องให้สภาคองเกรสสนับสนุนแผนการของเขาซึ่งรวมถึงแผนปฏิรูปการศึกษาและโครงสร้างภาษี ซึ่งฝ่ายบริหารของปธน.โอบามาเชื่อว่าแผนการดังกล่าวจะช่วยดึงดูดบริษัทผู้ผลิตให้โยกย้ายฐานการผลิตกลับมายังสหรัฐ โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดของโครงการนี้จะได้รับการชดเชยจากมาตรการปฏิรูปภาษีและมาตรการตัดงบรายจ่าย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนองบประมาณที่ปธน.โอบามาจะเปิดเผยออกมาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจาก 7.25 ดอลลาร์/ชั่วโมง เป็น 9 ดอลลาร์/ชั่วโมงจะช่วยเพิ่มรายได้สำหรับชาวอเมริกัน 15 ล้านคน โดยจะมีการดำเนินการเป็นขั้นตอน ขณะที่ผู้บริหารภาคเอกชนจำนวนมากต่างสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวซึ่งผลการศึกษาทางด้านเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำมีประสิทธิภาพในการลดความยากจน และลดค่าใช้จ่ายในการลาออกของพนักงานสำหรับภาคธุรกิจ
ปธน.โอบามายังประกาศเกี่ยวกับการเริ่มเจรจาการค้าเสรีระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรปที่มีสมาชิก 27 ประเทศ และจะเสร็จสิ้นการทำข้อตกลงการค้ากับประเทศคู่ค้าในเอเชีย-แปซิฟิก
นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งของการผลักดันของเขาที่จะทำให้ชาวอเมริกันมีทักษะในการแข่งขันในเศรษฐกิจโลกนั้น ปธน.โอบามาได้เสนอโครงการใหม่ที่จะช่วยให้เด็กอายุ 4 ขวบทั้งหมดได้เข้ารับการศึกษาตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล (pre-school)
ปธน.โอบามายังได้เปิดเผยถึงแผนการที่จะให้สหรัฐลดความเกี่ยวข้องในสงครามอัฟกานิสถานที่ดำเนินมานาน 11 ปี โดยประกาศว่า จะมีการถอนทหาร34,000 นายจากทั้งหมด 66,000 นายเพื่อเดินทางกลับสหรัฐภายในต้นปี 2014
ขณะเดียวกัน ปธน.โอบามายังระบุถึงการที่สหรัฐจะเป็นผู้นำโลกในการตอบโต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ, จะร่วมมือกับรัสเซียในการลดอาวุธนิวเคลียร์และเขาจะลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อป้องกันการโจมตีในโลกไซเบอร์
ทั้งนี้ สาระสำคัญในแถลงการณ์ประจำปีของปธน.โอบามา ได้แก่:-
*การสร้างงาน
-ลงทุน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึง 4 หมื่นล้าน ดอลลาร์ที่ใช้ในการซ่อมแซมถนนและสะพานเก่าอย่างเร่งด่วน
-ขอการสนับสนุนจากสภาครองเกรสในโครงการสร้างงานวงเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อฟื้นฟูหรือทุบทิ้งอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยหรือที่ถูกยึดมา เพราะติดหนี้จำนอง
-ใช้จ่ายงบ 1 พันล้านดอลลาร์ในการสร้างเครือข่ายสถาบันการผลิต 15 แห่งทั่วสหรัฐ โดยจะมีการเปิดตัวสถาบันการผลิต 3 แห่งในปีนี้ ผ่านทาง กระทรวงพลังงานและกระทรวงกลาโหม ขณะที่จะได้รับความช่วยเหลือจาก วิทยาลัยชุมชน, มหาวิทยาลัย และธุรกิจเอกชน
-เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำมากกว่า 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 7.25 ดอลลาร์/ ชั่วโมง สู่ระดับ 9 ดอลลาร์/ชั่วโมงก่อนสิ้นปี 2015 สำหรับชาวอเมริกัน 15 ล้านคน และรับประกันว่าค่าแรงขั้นต่ำจะปรับตัวสอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อ
-จัดตั้ง "เขตสัญญา" ในชุมชน 20 แห่งเพื่อให้ "ความช่วยเหลือ ทางเทคนิคอย่างเข้มข้น" แก่ชุมชนดังกล่าว โดยใช้โอกาสและโครงการที่มี อยู่เดิมในการช่วยสร้างงาน
*การค้า
-กระตุ้นการส่งออกโดยเปิดการเจรจาทางการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) ที่มีสมาชิก 27 ประเทศ และทำข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ในภูมิภาคแปซิฟิก (TPP) ให้แล้วเสร็จ
-เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดสำหรับการเลือกลงทุนในสหรัฐ หรือ SelectUSA Investment Summit เพื่อจับคู่ระหว่างธุรกิจต่างชาติ และรัฐบาลท้องถิ่นในสหรัฐ โดยมีจุดประสงค์เพื่อดึงดูดธุรกิจและการลงทุน จากต่างชาติ
*ภาษี
-เรียกร้องให้สภาคองเกรสปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และกำหนด อัตราภาษีพิเศษสำหรับบริษัทผู้ผลิตในระดับที่ต่ำลงไปอีก
-กำหนด "ภาษีกิจการในต่างประเทศ" เพื่อเรียกเก็บภาษีขั้นต่ำ สำหรับผลกำไรของกิจการในต่างประเทศ โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการ ลงทุนภายในประเทศ และเพื่อสกัดกั้นการแข่งขันกันปรับลดอัตราภาษีเงินได้
นิติบุคคลระหว่างประเทศต่างๆ
-ขยายมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการวิจัยและการพัฒนา และ ทำให้มาตรการนี้เป็นมาตรการถาวร
*อากาศและพลังงาน
-ตั้งกองทุน "ทรัสต์เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน" โดยใช้เงินทุนจาก ค่าภาคหลวงหรือค่าสัมปทานในการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ และใช้เงินดังกล่าว เพื่อการวิจัยเกี่ยวกับรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ และเชื้อเพลิงชีวภาพ
-เรียกร้องให้สภาคองเกรสทำให้กฏหมายการลดหย่อนภาษีการผลิต เป็นมาตรการถาวร และสามารถคืนภาษีเพื่อเป็นแรงจูงใจสำหรับการใช้พลังงาน ทดแทน เพื่อเพิ่มการผลิตเป็น 2 เท่าภายในปี 2020
-ใช้มาตรการจูงใจ "Race to the Top" สำหรับรัฐต่างๆที่มี นโยบายเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน เพื่อพยายามลดการสูญเสียพลังงานในภาค ครัวเรือนและธุรกิจลงครึ่งหนึ่งในช่วง 20 ปีข้างหน้า
-สร้างนโยบายใหม่เพื่อกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชนในด้าน การขนส่ง, ระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้า รวมถึงท่อส่งน้ำมันและก๊าซ
*การศึกษา
-ดำเนินการร่วมกับสภาคองเกรสในการสนับสนุนรัฐต่างๆของสหรัฐ เพื่อให้การศึกษาในชั้นเตรียมอนุบาลสำหรับเด็กอายุ 4 ขวบทั่วประเทศ
-เพิ่มแรงจูงใจสำหรับโรงเรียนมัธยมในการปรับเปลี่ยนรูปแบบ การสอน โดยเน้นการเรียนรู้โลกแห่งความเป็นจริง และรวมชั้นเรียนด้าน เทคโนโลยี, วิทยาศาสตร์และวิศวกรรม
-คุมเข้มความรับผิดชอบสำหรับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยที่ได้รับเงิน ช่วยเหลือจากรัฐบาล
*ประเด็นอื่นๆ
-ถอนทหารสหรัฐ 34,000 นายจากทั้งหมด 66,000 นายจากอัฟกานิสถาน โดยจะเดินทางกลับสหรัฐภายในต้นปี 2014
-ผลักดันสหรัฐเป็นผู้นำโลกในการตอบโต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ
-ร่วมมือกับรัสเซียในการลดอาวุธนิวเคลียร์
-ป้องกันการโจมตีในโลกไซเบอร์
(ข้อมูลข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak