โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• อิตาลีมียอดเกินดุลการค้า 2.5 พันล้านยูโรในเดือน ต.ค. ดีขึ้นหลังจากที่ขาดดุล 1.1 พันล้านยูโรในเดือนเดียวกันของปี 2554 ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น 12% จากปีที่แล้ว ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.9%
• จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ยอมรับการขึ้นอัตราภาษีสำหรับคนรวยแล้ว ซึ่งลดอุปสรรคจากพรรครีพับลิกันที่มีต่อการทำข้อตกลงเพื่อยุติภาวะ Fiscal cliff หรือผลกระ ทบที่มาตรการปรับขึ้นภาษีและลดงบรายจ่ายขนาด 6 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐที่อาจจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า
• FED ประกาศข้อเสนอคุมเข้มธนาคารต่างชาติเพื่อคุ้มครองผู้เสียภาษีชาวสหรัฐจากความจำเป็นในการจ่ายเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือธนาคารเหล่านี้ อย่างไรก็ดี มาตรการคุมเข้มดัง กล่าวอาจส่งผลให้ ธ.ต่างชาติถอนกิจการออกจากสหรัฐ เนื่องจากจะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยกฎใหม่นี้จะบังคับให้ ธ.ต่างประเทศที่มีสินทรัพย์ในสหรัฐตั้งแต่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์จะต้องมีสินทรัพย์กันชนที่มีสภาพคล่องเป็นจำนวน 30 วัน และจำกัดการปล่อยสินเชื่อต่อคู่ค้ารายเดียวไว้ไม่เกิน 25% ของเงินทุนตามเกณฑ์ จะต้องจัดตั้งคณะกรรมการด้านความเสี่ยง และต้องได้รับการตรวจสอบภาวะวิกฤติจากสหรัฐ
• สมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติ(NABE) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงเติบโตปานกลางในปีหน้าโดย GDP จะขยายตัว 2.1% หลังจากโต 2.2% ในปีนี้ ในขณะที่การบริโภคเติบโตขึ้นเพียงเล็กน้อย การลงทุนในการก่อสร้างนอกภาคที่อยู่อาศัยจะชะลอตัวลง และอัตราการเพิ่มขึ้นของกำไรภาคเอกชนและการผลิตภาคอุตสาหกรรมอาจปรับลดลงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวขึ้น การก่อสร้างที่อยู่อาศัยและราคาบ้านอาจพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
• จีน ขยายเพดานการลงทุนในตลาดเงินตลาดทุนให้กับ ธ.กลางและกองทุนเพื่อความมั่งคั่งของรัฐบาลต่างประเทศโดยให้ลงทุนได้เกินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก เพื่อกระตุ้นภาวะการลงทุนในตลาดหุ้น และรองรับการปฏิรูปตลาดเงินตลาดทุนให้มีความเป็นสากลมากขึ้น
• จีน ระบุว่า จะดำเนินนโยบายการเงินแบบระมัดระวังในขณะที่ดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกในแผนปี 2556 โดยจะผลักดันการขยายความเป็นเมือง (Urbanization) อย่างต่อเนื่องและจริงจัง แต่ยังควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไปพร้อมๆ กับกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศให้ขยายตัว ส่งเสริมการลงทุนให้มากขึ้นทั้งในภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ
• ชินโซ อาเบะ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องรักษาและพัฒนาให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศ
• สหภาพยุโรปและสิงคโปร์เสร็จสิ้นการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) หลังจากดำเนินการเจรจามาเกือบ 3 ปี ซึ่งช่วยให้สิงคโปร์กลายเป็นประตูสู่อาเซียนให้กับบริษัทใน EU และทำให้มีฐานการส่งออกที่ใหญ่ขึ้น
• ยอดส่งออกสิงคโปร์เดือน พ.ย. ลดลง 2.5% และลดลงเป็นเดือนที่ 3 ในช่วง 4 เดือนหลังสุด หลังยอดส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ลดลง ทำให้กระทรวงพาณิชย์สิงคโปร์คาดว่ายอดส่งออกในปีนี้จะขยายตัวราว 2%-3% ส่วนปีหน้าจะขยายตัว 4%
• ธ.เพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดว่า GDP อินโดนีเซียปี 2013 จะขยายตัว 6.6% จากปีนี้ที่ขยายตัว 6.3% โดยภาคการบริโภคจะยังคงเป็นปัจจัยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากชาวอินโดนีเซียมีความเชื่อมั่นที่จะจับจ่าย นอกจากนี้ การลงทุนในอินโดนีเซียปีหน้าจะขยายตัว 25%-30% ส่วนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำน่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
• สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารกลางแห่งเมียนมาร์ให้เปิดสำนักงานตัวแทนในกรุงย่างกุ้งได้ ส่งผลให้เป็นธนาคารระหว่างประเทศเพียงธนาคารเดียวที่เปิดดำเนินการครบทั้ง 10 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน
• อิหร่าน จะซ้อมรบในช่องแคบฮอร์มุซภายใน มี.ค. 2556 และจะตั้งกองกำลังความมั่นคงถาวรในช่องแคบฮอร์มุสซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญที่สุดในโลก ทั้งนี้ อิหร่านระบุว่าสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกจะไม่สามารถจัดตั้งกองกำลังความมั่นคงในภูมิภาคนี้ได้
• ก.พาณิชย์ ตั้งเป้าการส่งออกของไทยในปีหน้าว่าจะขยายตัวจากปีนี้ 8-9% โดยมีมูลค่าการส่งออก 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับยอดส่งออกในปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 4.17% เมื่อเทียบปีก่อน หรือ 2.31 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการส่งออกในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ (พ.ย.-ธ.ค.55) จะมีมูลค่าเฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
• ธปท. รายงานว่า การประชุม กนง. ครั้งแรกปีหน้ายังเน้นผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่อง โดยยังให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งนโยบายอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบของญี่ปุ่นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ฝืดตัวซึ่งจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินโลกมากยิ่ง ขึ้นอีก ส่งผลให้แนวโน้มค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อไป ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ใกล้เคียงอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2.75% น่าจะสามารถประคองการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้ โดยคาดว่า GDP ไทยปี 2556 จะเติบโตที่ 4.7% ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของปี 2554 และ 2555 ซึ่งโตปีละ 3%
• ไทย เตรียมเปิดสถานกงสุลที่เมืองทวาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุน ส่วนโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย คาดว่าในช่วงเม.ย. ปีหน้า จะเห็นความพร้อมมากขึ้น
Equity Market
• ตลาดหุ้นจีนปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือน หลังการประชุมกำหนดนโยบายประจำปีที่มีสี จิ้นผิง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นประธาน โดยระบุว่า จีนจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในปีหน้า รวมทั้งจะปฏิรูปมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการขยายตัวในระยะยาว
• SET Index ปิดที่ 1,359.09 จุด เพิ่มขึ้น 0.59 จุด หรือ +0.04% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35,040 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,289 ล้านบาท ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวอยู่ในแดนบวกเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังได้รับปัจจัยบวกมาจากตลาดหุ้นยุโรปที่กลุ่มสหภาพยูโรได้อนุมัติเงินกู้รอบแรกจำนวน 49,000 ล้านยูโรให้กับประเทศกรีซ และการประกาศนโยบายเศรษฐกิจในปีหน้าของจีน
• ออสเตรเลียปรับการบินไทย 7.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (232 ล้านบาท) หลังจาก THAI ยอมรับว่าร่วมกันกำหนดราคากับสายการบินรายใหญ่ระดับโลกหลายแห่งในปี 2544-2548 ทั้งค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิง ค่าธรรมเนียมความปลอดภัย และค่าภาษีเที่ยวบิน โดยการบินไทยสัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนี้อีกเป็นเวลา 5 ปี และขอผ่อนจ่ายค่าปรับเป็นงวดๆ เนื่องจากกำลังประสบปัญหาทางการเงิน
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับเพิ่มขึ้นในช่วง 0.00% ถึง 0.02% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 1/3/6 เดือน วงเงิน 70,000 ล้านบาท
• ธปท.รายงานว่าว่า เงินเยนอ่อนค่าลงมาต่ำสุดในรอบ 20 เดือน หลังพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ภายใต้การนำของ ชินโสะ อาเบะ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อภาคการส่งออกของญี่ปุ่น รวมทั้งส่งผลดีต่อโอกาสในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และในฐานะที่ไทยมีความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนร่วมกับญี่ปุ่นอย่างเข้มแข็งก็น่าจะได้รับอานิสงส์ด้วย นอกจากนี้ ธ.กลางญี่ปุ่นอาจถูกกดดันให้ขยายขอบเขตโครงการซื้อสินทรัพย์ในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 3 เดือน
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• อิตาลีมียอดเกินดุลการค้า 2.5 พันล้านยูโรในเดือน ต.ค. ดีขึ้นหลังจากที่ขาดดุล 1.1 พันล้านยูโรในเดือนเดียวกันของปี 2554 ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น 12% จากปีที่แล้ว ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.9%
• จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ยอมรับการขึ้นอัตราภาษีสำหรับคนรวยแล้ว ซึ่งลดอุปสรรคจากพรรครีพับลิกันที่มีต่อการทำข้อตกลงเพื่อยุติภาวะ Fiscal cliff หรือผลกระ ทบที่มาตรการปรับขึ้นภาษีและลดงบรายจ่ายขนาด 6 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐที่อาจจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า
• FED ประกาศข้อเสนอคุมเข้มธนาคารต่างชาติเพื่อคุ้มครองผู้เสียภาษีชาวสหรัฐจากความจำเป็นในการจ่ายเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือธนาคารเหล่านี้ อย่างไรก็ดี มาตรการคุมเข้มดัง กล่าวอาจส่งผลให้ ธ.ต่างชาติถอนกิจการออกจากสหรัฐ เนื่องจากจะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยกฎใหม่นี้จะบังคับให้ ธ.ต่างประเทศที่มีสินทรัพย์ในสหรัฐตั้งแต่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์จะต้องมีสินทรัพย์กันชนที่มีสภาพคล่องเป็นจำนวน 30 วัน และจำกัดการปล่อยสินเชื่อต่อคู่ค้ารายเดียวไว้ไม่เกิน 25% ของเงินทุนตามเกณฑ์ จะต้องจัดตั้งคณะกรรมการด้านความเสี่ยง และต้องได้รับการตรวจสอบภาวะวิกฤติจากสหรัฐ
• สมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติ(NABE) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงเติบโตปานกลางในปีหน้าโดย GDP จะขยายตัว 2.1% หลังจากโต 2.2% ในปีนี้ ในขณะที่การบริโภคเติบโตขึ้นเพียงเล็กน้อย การลงทุนในการก่อสร้างนอกภาคที่อยู่อาศัยจะชะลอตัวลง และอัตราการเพิ่มขึ้นของกำไรภาคเอกชนและการผลิตภาคอุตสาหกรรมอาจปรับลดลงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวขึ้น การก่อสร้างที่อยู่อาศัยและราคาบ้านอาจพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
• จีน ขยายเพดานการลงทุนในตลาดเงินตลาดทุนให้กับ ธ.กลางและกองทุนเพื่อความมั่งคั่งของรัฐบาลต่างประเทศโดยให้ลงทุนได้เกินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก เพื่อกระตุ้นภาวะการลงทุนในตลาดหุ้น และรองรับการปฏิรูปตลาดเงินตลาดทุนให้มีความเป็นสากลมากขึ้น
• จีน ระบุว่า จะดำเนินนโยบายการเงินแบบระมัดระวังในขณะที่ดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกในแผนปี 2556 โดยจะผลักดันการขยายความเป็นเมือง (Urbanization) อย่างต่อเนื่องและจริงจัง แต่ยังควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไปพร้อมๆ กับกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศให้ขยายตัว ส่งเสริมการลงทุนให้มากขึ้นทั้งในภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ
• ชินโซ อาเบะ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องรักษาและพัฒนาให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศ
• สหภาพยุโรปและสิงคโปร์เสร็จสิ้นการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) หลังจากดำเนินการเจรจามาเกือบ 3 ปี ซึ่งช่วยให้สิงคโปร์กลายเป็นประตูสู่อาเซียนให้กับบริษัทใน EU และทำให้มีฐานการส่งออกที่ใหญ่ขึ้น
• ยอดส่งออกสิงคโปร์เดือน พ.ย. ลดลง 2.5% และลดลงเป็นเดือนที่ 3 ในช่วง 4 เดือนหลังสุด หลังยอดส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ลดลง ทำให้กระทรวงพาณิชย์สิงคโปร์คาดว่ายอดส่งออกในปีนี้จะขยายตัวราว 2%-3% ส่วนปีหน้าจะขยายตัว 4%
• ธ.เพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดว่า GDP อินโดนีเซียปี 2013 จะขยายตัว 6.6% จากปีนี้ที่ขยายตัว 6.3% โดยภาคการบริโภคจะยังคงเป็นปัจจัยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากชาวอินโดนีเซียมีความเชื่อมั่นที่จะจับจ่าย นอกจากนี้ การลงทุนในอินโดนีเซียปีหน้าจะขยายตัว 25%-30% ส่วนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำน่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
• สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารกลางแห่งเมียนมาร์ให้เปิดสำนักงานตัวแทนในกรุงย่างกุ้งได้ ส่งผลให้เป็นธนาคารระหว่างประเทศเพียงธนาคารเดียวที่เปิดดำเนินการครบทั้ง 10 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน
• อิหร่าน จะซ้อมรบในช่องแคบฮอร์มุซภายใน มี.ค. 2556 และจะตั้งกองกำลังความมั่นคงถาวรในช่องแคบฮอร์มุสซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญที่สุดในโลก ทั้งนี้ อิหร่านระบุว่าสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกจะไม่สามารถจัดตั้งกองกำลังความมั่นคงในภูมิภาคนี้ได้
• ก.พาณิชย์ ตั้งเป้าการส่งออกของไทยในปีหน้าว่าจะขยายตัวจากปีนี้ 8-9% โดยมีมูลค่าการส่งออก 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับยอดส่งออกในปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 4.17% เมื่อเทียบปีก่อน หรือ 2.31 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการส่งออกในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ (พ.ย.-ธ.ค.55) จะมีมูลค่าเฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
• ธปท. รายงานว่า การประชุม กนง. ครั้งแรกปีหน้ายังเน้นผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่อง โดยยังให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งนโยบายอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบของญี่ปุ่นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ฝืดตัวซึ่งจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินโลกมากยิ่ง ขึ้นอีก ส่งผลให้แนวโน้มค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อไป ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ใกล้เคียงอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2.75% น่าจะสามารถประคองการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้ โดยคาดว่า GDP ไทยปี 2556 จะเติบโตที่ 4.7% ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของปี 2554 และ 2555 ซึ่งโตปีละ 3%
• ไทย เตรียมเปิดสถานกงสุลที่เมืองทวาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุน ส่วนโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย คาดว่าในช่วงเม.ย. ปีหน้า จะเห็นความพร้อมมากขึ้น
Equity Market
• ตลาดหุ้นจีนปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือน หลังการประชุมกำหนดนโยบายประจำปีที่มีสี จิ้นผิง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นประธาน โดยระบุว่า จีนจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในปีหน้า รวมทั้งจะปฏิรูปมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการขยายตัวในระยะยาว
• SET Index ปิดที่ 1,359.09 จุด เพิ่มขึ้น 0.59 จุด หรือ +0.04% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35,040 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,289 ล้านบาท ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวอยู่ในแดนบวกเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังได้รับปัจจัยบวกมาจากตลาดหุ้นยุโรปที่กลุ่มสหภาพยูโรได้อนุมัติเงินกู้รอบแรกจำนวน 49,000 ล้านยูโรให้กับประเทศกรีซ และการประกาศนโยบายเศรษฐกิจในปีหน้าของจีน
• ออสเตรเลียปรับการบินไทย 7.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (232 ล้านบาท) หลังจาก THAI ยอมรับว่าร่วมกันกำหนดราคากับสายการบินรายใหญ่ระดับโลกหลายแห่งในปี 2544-2548 ทั้งค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิง ค่าธรรมเนียมความปลอดภัย และค่าภาษีเที่ยวบิน โดยการบินไทยสัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนี้อีกเป็นเวลา 5 ปี และขอผ่อนจ่ายค่าปรับเป็นงวดๆ เนื่องจากกำลังประสบปัญหาทางการเงิน
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับเพิ่มขึ้นในช่วง 0.00% ถึง 0.02% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 1/3/6 เดือน วงเงิน 70,000 ล้านบาท
• ธปท.รายงานว่าว่า เงินเยนอ่อนค่าลงมาต่ำสุดในรอบ 20 เดือน หลังพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ภายใต้การนำของ ชินโสะ อาเบะ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อภาคการส่งออกของญี่ปุ่น รวมทั้งส่งผลดีต่อโอกาสในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และในฐานะที่ไทยมีความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนร่วมกับญี่ปุ่นอย่างเข้มแข็งก็น่าจะได้รับอานิสงส์ด้วย นอกจากนี้ ธ.กลางญี่ปุ่นอาจถูกกดดันให้ขยายขอบเขตโครงการซื้อสินทรัพย์ในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 3 เดือน