ASTV ผู้จัดการรายวัน - วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ จ่อลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลมเพิ่มอีก 5 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตติดตั้ง 510 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 3-3.5 หมื่นล้านบาท หลังเปิดโรงไฟฟ้าพลังลมเวสต์ห้วยบง 2 และเวสต์บงกช 3 กำลังผลิต 207 เมกะวัตต์ที่โคราช นับเป็นโครงการใหญ่สุดในภูมิภาคนี้ แย้มจ่อนำบริษัทฯ เข้าตลาดหุ้นในปี 57 เพื่อระดมทุนหมื่นล้านพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังลม
วันนี้ (12 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการผลิตไฟฟ้าพลังลม เวสต์ห้วยบง 2 และเวสต์ห้วยบง 3 กำลังการผลิตติดตั้งโรงละ 103.5 เมกะวัตต์ ที่อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังลมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยโครงการผลิตไฟฟ้าพลังลม เวสต์ห้วยบง 2 ดำเนินการโดยบริษัท เค. อาร์ ทู จำกัด ส่วนโครงการเวสต์ ห้วยบง 3 ดำเนินการโดยบริษัท เฟิร์ส โคราช วินด์ จำกัด ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทในเครือวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ถือหุ้น 60% บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง 20% และจูบุ อิเลคทริค พาวเวอร์ โคราช บีวี 20%
นายนพพร ศุภพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนจะพัฒนาพลังงานลมเพิ่มเติมอีก 5 โครงการ ที่จังหวัดนครราชสีมา กำลังการผลิตติดตั้ง 510 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 3-3.5 หมื่นล้านบาท โดยเบื้องต้นจะเริ่มโครงการผลิตไฟฟ้าพลังลมวัดตะแบก ขนาดกำลังผลิต 60 เมกะวัตต์ เริ่มก่อสร้างในเดือน ก.ย.นี้ แล้วเสร็จจ่ายไฟเข้าระบบในกลางปี 2557 หลังจากนั้นจะเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังลมอีก 3 โครงการสิ้นปี 2557 ได้แก่ โคราช 02/1 โครงการโคราช 02/2 และโคราช 02/3 กำลังการผลิตโรงละ 90 เมกะวัตต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี 2559 ส่วนโครงการพลังลมกฤษณาเหนืออีก 90 เมกะวัตต์ แล้วเสร็จในปี 2560
บริษัทฯ คาดว่า ทั้ง 5 โครงการนี้จะลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ภายในเดือน ก.ย.นี้ หลังจากบริษัทฯ ได้รับหนังสือตอบรับการซื้อไฟฟ้าแล้ว 3 โครงการ และอีก 2 โครงการที่เหลือคาดว่าจะได้รับการตอบรับซื้อไฟฟ้าในเดือนนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนจะนำบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2557 โดยจะขายหุ้นเพิ่มทุนเสนอต่อประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) คิดเป็นสัดส่วน 15-20% ของทุนจดทะเบียน หวังระดมเงินทุนให้ได้ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังลม 4 โครงการที่เหลือ เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมวัดตะแบกใช้เงินลงทุน 4 พันล้านบาท จะใช้เงินลงทุนจากกระแสเงินสดหมุนเวียน 750 ล้านบาท และการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพราะเป็นโครงการที่แล้วเสร็จก่อนที่จะบริษัทฯ จะเข้าตลาดหลักทรัพย์
“ในเดือนหน้านี้ บริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ จะเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1 พันล้านบาท เป็น 1.2 พันล้านบาทในเดือน มี.ค.นี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน หลังจากนั้นจะนำบริษัทฯ เข้าตลาดหุ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยจะกระจายหุ้นในตลาด 15-20% ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มศุภพิพัฒน์ลดลงจากเดิมที่ถือหุ้นอยู่ 70%”
นายนพพรกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้สำหรับโครงการเวสต์ห้วยบง 2 และเวสต์ห้วยบง 3 ในปีนี้ 2-3 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถคืนเงินกู้ยืมโครงการนี้ 9 พันล้านบาทได้ภายใน 10 ปีข้างหน้า ซึ่งสอดคล้องกับการได้รับเงินสนับสนุน (adder) 3.50 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลา 10 ปี
วันนี้ (12 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการผลิตไฟฟ้าพลังลม เวสต์ห้วยบง 2 และเวสต์ห้วยบง 3 กำลังการผลิตติดตั้งโรงละ 103.5 เมกะวัตต์ ที่อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังลมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยโครงการผลิตไฟฟ้าพลังลม เวสต์ห้วยบง 2 ดำเนินการโดยบริษัท เค. อาร์ ทู จำกัด ส่วนโครงการเวสต์ ห้วยบง 3 ดำเนินการโดยบริษัท เฟิร์ส โคราช วินด์ จำกัด ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทในเครือวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ถือหุ้น 60% บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง 20% และจูบุ อิเลคทริค พาวเวอร์ โคราช บีวี 20%
นายนพพร ศุภพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนจะพัฒนาพลังงานลมเพิ่มเติมอีก 5 โครงการ ที่จังหวัดนครราชสีมา กำลังการผลิตติดตั้ง 510 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 3-3.5 หมื่นล้านบาท โดยเบื้องต้นจะเริ่มโครงการผลิตไฟฟ้าพลังลมวัดตะแบก ขนาดกำลังผลิต 60 เมกะวัตต์ เริ่มก่อสร้างในเดือน ก.ย.นี้ แล้วเสร็จจ่ายไฟเข้าระบบในกลางปี 2557 หลังจากนั้นจะเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังลมอีก 3 โครงการสิ้นปี 2557 ได้แก่ โคราช 02/1 โครงการโคราช 02/2 และโคราช 02/3 กำลังการผลิตโรงละ 90 เมกะวัตต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี 2559 ส่วนโครงการพลังลมกฤษณาเหนืออีก 90 เมกะวัตต์ แล้วเสร็จในปี 2560
บริษัทฯ คาดว่า ทั้ง 5 โครงการนี้จะลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ภายในเดือน ก.ย.นี้ หลังจากบริษัทฯ ได้รับหนังสือตอบรับการซื้อไฟฟ้าแล้ว 3 โครงการ และอีก 2 โครงการที่เหลือคาดว่าจะได้รับการตอบรับซื้อไฟฟ้าในเดือนนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนจะนำบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2557 โดยจะขายหุ้นเพิ่มทุนเสนอต่อประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) คิดเป็นสัดส่วน 15-20% ของทุนจดทะเบียน หวังระดมเงินทุนให้ได้ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังลม 4 โครงการที่เหลือ เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมวัดตะแบกใช้เงินลงทุน 4 พันล้านบาท จะใช้เงินลงทุนจากกระแสเงินสดหมุนเวียน 750 ล้านบาท และการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพราะเป็นโครงการที่แล้วเสร็จก่อนที่จะบริษัทฯ จะเข้าตลาดหลักทรัพย์
“ในเดือนหน้านี้ บริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ จะเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1 พันล้านบาท เป็น 1.2 พันล้านบาทในเดือน มี.ค.นี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน หลังจากนั้นจะนำบริษัทฯ เข้าตลาดหุ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยจะกระจายหุ้นในตลาด 15-20% ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มศุภพิพัฒน์ลดลงจากเดิมที่ถือหุ้นอยู่ 70%”
นายนพพรกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้สำหรับโครงการเวสต์ห้วยบง 2 และเวสต์ห้วยบง 3 ในปีนี้ 2-3 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถคืนเงินกู้ยืมโครงการนี้ 9 พันล้านบาทได้ภายใน 10 ปีข้างหน้า ซึ่งสอดคล้องกับการได้รับเงินสนับสนุน (adder) 3.50 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลา 10 ปี