- สมาพันธ์กะลาสีกรีซ ได้ผละงานประท้วงนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลเป็นสัปดาห์ที่สองแล้ว โดยยังไม่มีการนำเรือโดยสารออกมาให้บริการที่ท่าเรือทั่วประเทศ ทำให้วิตกว่าสินค้าอุปโภคบริโภคและของใช้จำเป็นอื่นๆ อาจขาดแคลน โดยเศรษฐกิจที่ถดถอยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้ส่งผลให้กะลาสี 7,000 คนต้องตกงานจากจำนวนที่ลงทะเบียนทั้งหมด 15,000 คน
- ก.แรงงานสเปน เปิดเผยว่า ในเดือน ม.ค.มีผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 2.7% จากเดือน ธ.ค. แต่เชื่อกันว่าข้อมูลนี้เชื่อถือได้น้อยกว่าข้อมูลการจ้างงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งเปิดเผยในเดือนก่อนว่าอัตราการว่างงานอยู่ที่ 26% ในไตรมาส 4 โดยมีผู้ว่างงาน 5.97 ล้านคน
- รัฐบาลฝรั่งเศสเชื่อว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ที่ 0.8% ได้ โดยจะเปิดเผยข้อเสนอในการจัดเก็บภาษีคนร่ำรวยที่ร่างขึ้นใหม่ในอีก 2-3 สัปดาห์หน้า ซึ่งจะมีการจัดเก็บภาษีครัวเรือนต่างๆ แทนที่จะเก็บจากบุคคลธรรมดา
- บารัก โอบามา กล่าวว่า สหรัฐจะลดการขาดดุลและลงทุนด้านการศึกษาโดยไม่จำเป็นต้องขึ้นภาษีอีกครั้งได้ หากรัฐลดรายจ่ายฟุ่มเฟือยลง โดยการปฏิรูปค่าใช้จ่ายในระบบประกันสุขภาพเป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยอุดรอยรั่วนี้ ทั้งนี้ มาตรการเพิ่มภาษีได้พุ่งเป้าไปที่ผู้ที่ได้กำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยโดยจะต้องเสียภาษีจากเงินปันผลและกำไรส่วนเกินทุนเพิ่มขึ้นจากเดิม 15% เป็น 20% และประชาชนที่มีรายได้ต่อปีเกิน 400,000 ดอลลาร์ หรือครัวเรือนที่มีรายได้ต่อปีเกิน 450,000 ดอลลาร์ต่อปี จะต้องเสียภาษี39.6% จากเดิมที่เคยจ่าย 35%
- ทาโร อาโซะ รมว.คลังญี่ปุ่น กล่าวว่า การทำให้เยนอ่อนค่าลงไม่ใช่เป้าหมาย เพราะญี่ปุ่นมีจุดประสงค์จะจัดการกับภาวะเงินฝืด ทั้งนี้ เขาไม่ได้แสดงความวิตกเรื่องที่ประเทศต่างๆ กังวลกับการทำสงครามค่าเงิน ซึ่งญี่ปุ่นอาจจะต้องปกป้องมาตรการของตนในการประชุมผู้นำทางการเงินกลุ่มจี-20 ในวันที่ 15-16 ก.พ. นี้ เพื่อหยุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
- การซ้อมรบทางทะเลร่วมกันของสหรัฐและเกาหลีใต้นอกชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี เป็นการส่งสัญญาณเตือนเกาหลีเหนือว่า การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์จะจุดชนวนการตอบโต้ที่รุนแรง และจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเกาหลีเหนือ
- เงินเฟ้อ 3.39% ในเดือน ม.ค. ซึ่ง ก.พาณิชย์ประกาศใกล้เคียงกับที่ ธปท.ประมาณการ ซึ่งแม้จะดูสูง แต่ ธปท.ก็ยังเชื่อว่าค่าเฉลี่ยทั้งปียังเป็นไปตามที่ประเมินไว้ที่ 2.8%
- ธปท.ระบุว่า กรณีที่ดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.สูงกว่าสหรัฐและญี่ปุ่น ส่งผลน้อยนิดในการดึงดูดเงินให้ไหลเข้าเพื่อทำกำไรส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย เพราะเงินทุนเหล่านี้จะดูผลตอบแทนจากการลงทุน ภาวะเศรษฐกิจ ความเสี่ยงโดยรวมของเศรษฐกิจประเทศนั้นๆ กับดูการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของค่าเงินด้วย และถ้าเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคที่เศรษฐกิจคล้ายๆ กัน จะเห็นว่าดอกเบี้ยแท้จริงซึ่งตอนนี้ติดลบอยู่ เป็นระดับที่ต่ำสุดในภูมิภาค
- อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดก.คลัง เปิดเผยว่า เตรียมงบประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 2 แห่งคือ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขยาดย่อม (ธพว.) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ที่กำลังประสบปัญหากับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระดับสูงมาก และอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ โดย ก.คลังกำหนดให้ทั้ง 2 แห่งเสนอแผนเข้ามาภายในสิ้นเดือนก่อน ซึ่ง สศค.จะวิเคราะห์ความเหมาะสมว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
- ก.อุตสาหกรรม ส่งหนังสือขอให้ ก.มหาดไทย ทบทวนผังเมืองใหม่ เนื่องจากผังเมืองใหม่ในบางพื้นที่จะเปลี่ยนพื้นที่อุตสาหกรรมหรือคลังสินค้าในผังเมืองเดิมให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียว (ชนบทและเกษตรกรรม) และกลายเป็นสีชมพู (ชุมชน) ในหลายแห่ง เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน นครราชสีมา
- SET Index ปิดตลาดที่ 1,506.37 จุด เพิ่มขึ้น 7.15 จุด หรือ +0.48% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 54,076.90 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 864.93 ล้านบาท และดัชนีได้ทำสถิติ New High ในรอบ 18 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของหลายประเทศที่ออกมาดี ทำให้มีเงินจำนวนมากไหลเข้า อย่างไรก็ตาม จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เตือนให้ระมัดระวังการเก็งกำไรในหุ้นประมาณ 70 บริษัทที่มี PE Ratio สูงกว่า 40 เท่า เพราะปรับขึ้นอย่างก้าวกระโดด จึงต้องพิจารณาว่าราคาที่ปรับขึ้นไปนั้นมีปัจจัยพื้นฐานรองรับหรือไม่ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล เปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วง -0.02% ถึง 0.00% โดยพันธบัตรที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขายรวม 98,854 ล้านบาท
- Jack Bogle (ผู้ก่อตั้ง Vanguard ซึ่งเป็น บลจ.ที่เน้นวิธีบริหารแบบ Passive)
“ดัชนีหุ้นตลาดดาวโจนส์ที่กำลังวิ่งไปในระดับ 14,000 จุด มันก็แค่นั้น ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรสำหรับผมนอกจากนี้ ยังมีรายย่อยเริ่มเข้ามาลงทุนในตลาด และกองทุนรวมก็มีเม็ดเงินที่ไหลเข้าถึง 6.8 ล้านดอลลาร์ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือน ม.ค. แต่ผมไม่คิดว่ามันเป็นการลงทุนแบบจริงจัง เพราะมันเป็นเรื่องของฤดูกาล ที่ปกติเดือน ม.ค. มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี
โดยปกติแล้ว เมื่อใดที่มีเม็ดเงินผ่านกองทุนรวมไปลงทุนในหุ้นมากๆ จะเป็นสัญญาณเชิงลบ และการเพิ่มขึ้นของดาวโจนส์ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ไม่ได้บอกว่าเศรษฐกิจข้างหน้าจะเปลี่ยนได้มาก ผมจึงยังคงประเมินว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตในระดับ 2.0%-2.5% และผมไม่ชอบนโยบายของ FED ที่ให้น้ำหนักในการสนับสนุนตลาดหุ้น เพราะราคาหุ้นจะเบี่ยงเบนจากที่ควรจะเป็น ผมคิดว่า FED ควรหยุดเข้ามามีอิทธิพลต่อตลาดหุ้น และให้ตลาดตัดสินใจด้วยตัวของมันได้แล้ว”
- Robert Wiedemer
“ตลาดหุ้นชี้นำทิศทางเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อย อย่างเช่นเดือน ต.ค. 2007 ดัชนีตลาดหุ้นขึ้นไปทำจุดสูงสุด ก่อนที่ระบบทางการเงินจะพังทลายในปีต่อมา ซึ่งสภาพอย่างนั้น เศรษฐกิจอาจเป็นตัวชี้นำตลาดหุ้นที่ดีที่สุด และหากดูเศรษฐกิจปัจจุบันที่ชะลอตัว จึงคาดว่าผู้ลงทุนจะเริ่มกลับมากังวลในตลาดหุ้นมากขึ้น”
- Byron Wien
“ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำๆ ทางเลือกในการลงทุนจึงหนีไม่พ้นหุ้น แต่ท้ายที่สุดผลประกอบการจะเป็นตัวชี้นำตลาด ผมคิดว่าผลประกอบการจะออกมาน่าผิดหวัง และคาดว่าดัชนี S&P ในปลายปีจะกลับไปสู่จุดที่มันเริ่มขึ้นมา”